แอลจีเรียผ่านกฎหมายประกาศ “การล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสเป็นอาชญากรรม”

แอลจีเรียผ่านกฎหมายประกาศ "การล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสเป็นอาชญากรรม"

25 ธ.ค. 2568 11:20 น.

แอลจีเรียผ่านกฎหมายประกาศ “การล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสเป็นอาชญากรรม”

รัฐสภาแอลจีเรียมีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายกำหนดให้การล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสเป็น “อาชญากรรม” และกำหนดให้การยกย่องหรือเชิดชูอาณานิคมเป็นความผิดทางกฎหมาย ขณะที่ความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศดิ่งลงเหวแตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 ทศวรรษ

รัฐสภาแอลจีเรียมีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านกฎหมายฉบับใหม่ ระบุว่าการยึดครองอาณานิคมของฝรั่งเศสต่อแอลจีเรียเป็น “อาชญากรรม” และกำหนดให้การยกย่องหรือเชิดชูอาณานิคมเป็นความผิดทางกฎหมาย ซึ่งสถานีโทรทัศน์ของรัฐรายงานว่า กฎหมายยังเรียกร้องให้ฝรั่งเศสแสดงคำขอโทษอย่างเป็นทางการและชดเชยความเสียหาย

การผ่านกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นในจังหวะที่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศตึงเครียดมากขึ้น ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากประเมินว่าต่ำสุดนับตั้งแต่แอลจีเรียได้รับเอกราชเมื่อ 63 ปีก่อน

ช่วงการยึดครองตั้งแต่ปี 1830 ถึง 1962 ถูกบันทึกว่ามีการสังหารจำนวนมาก การเนรเทศครั้งใหญ่ และสิ้นสุดด้วยสงครามประกาศเอกราชอันนองเลือด แอลจีเรียระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 1.5 ล้านคน ขณะที่นักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสประเมินตัวเลขต่ำกว่านั้นมาก

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เคยยอมรับว่าการล่าอาณานิคมแอลจีเรียเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ แต่ยังไม่เคยกล่าวคำขอโทษอย่างเป็นทางการ

รายงานระบุว่า ในห้องประชุมสมาชิกรัฐสภาคล้องผ้าพันคอสีธงชาติและร่วมตะโกน “ไชโยแอลจีเรีย” ขณะปรบมือรับรองกฎหมาย โดยบทบัญญัติสำคัญระบุว่าฝรั่งเศสมีความรับผิดชอบทางกฎหมายต่อโศกนาฏกรรมที่ก่อให้เกิดขึ้น และการชดเชยอย่างครบถ้วนและยุติธรรมเป็น “สิทธิ์ที่ไม่อาจโอน” ของรัฐและประชาชนแอลจีเรีย ฝรั่งเศสยังไม่ได้ออกความเห็นต่อการลงมติดังกล่าว

กระแสนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อชาติตะวันตกให้ชดเชยความเสียหายจากการค้าทาสและล่าอาณานิคม รวมถึงการทวงคืนโบราณวัตถุที่ถูกลักลอบนำออกไปและยังเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ต่างประเทศ แอลจีเรียเรียกร้องให้ฝรั่งเศสส่งคืนปืนใหญ่บรอนซ์ศตวรรษที่ 16 “บาบาเมอร์ซูก” ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์คุ้มครองนครแอลเจียร์ และถูกกองทัพฝรั่งเศสนำออกไปเมื่อปี 1830 โดยปัจจุบันจัดแสดงที่เมืองเบรสต์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส

ก่อนหน้านี้ในปี 2020 ฝรั่งเศสได้ส่งคืนอัฐิของนักรบแอลจีเรีย 24 คนที่ต่อสู้ต่อต้านกองกำลังอาณานิคมในศตวรรษที่ 19 ขณะเดียวกันเมื่อเดือนที่ผ่านมา แอลจีเรียเป็นเจ้าภาพการประชุมประเทศแอฟริกาผลักดันประเด็นความยุติธรรมและการชดเชย รัฐมนตรีต่างประเทศอาห์เหม็ด อัตตาฟ ระบุว่ากรอบกฎหมายจะทำให้การชดเชยไม่ถูกมองว่าเป็น “ของขวัญหรือบุญคุณ”

ความสัมพันธ์ยิ่งตึงตัวหลังปีที่แล้ว เมื่อนายมาครงประกาศยอมรับอธิปไตยของโมร็อกโกเหนือเวสเทิร์นซาฮาราและสนับสนุนแผนปกครองตนเองจำกัด ขณะที่แอลจีเรียหนุนขบวนการโปลิซาริโอที่เรียกร้องเอกราช และถือเป็นพันธมิตรหลัก

ในอีกกรณีหนึ่ง นักเขียนเชื้อสายฝรั่งเศส-แอลจีเรีย “บูอาเล็ม ซ็องซาล” ถูกจับที่สนามบินแอลเจียร์และถูกตัดสินจำคุก 5 ปีในข้อหาบั่นทอนความมั่นคงแห่งชาติ จากถ้อยคำที่ถูกมองว่าตั้งคำถามต่อพรมแดนของประเทศ ก่อนจะได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดีอับเดลมัดจิด เทบบูน เมื่อเดือนที่ผ่านมา.

ที่มา BBC

Leave a comment