
นายกฯออกโหนกระแส ชี้ไทย-กัมพูชา เป็นปัญหาทวิภาคี ลั่นหากวง GBC ไม่จบ ต้องวางกรอบ-เงื่อนไข
วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 14.29 น.
นายกฯออกโหนกระแส ชี้ไทย-กัมพูชา เป็นปัญหาทวิภาคี ลั่นหากวง GBC ไม่จบ ต้องวางกรอบ-เงื่อนไข บอกไม่ใช่ต่อรองธุรกิจ แต่เจรจาบนอธิปไตย ลั่นกับระเบิดของใหม่ เห็น-ดม มาแล้ว บอกอยากให้จบวันนี้ แต่ไทยไม่ใช่ตัวปัญหา ระบุกองทัพสถาปนาบูรณภาพแห่งดินแดนแล้ว ถ้าฝ่ายตรงข้ามจะจบ ต้องจบตรงนี้ ไฟเขียวสร้างกำแพงชายแดน พร้อมหนุนกองทัพ ยันไทย-กองทัพเป็นเนื้อเดียวกัน บอกขอคุยกันเอง 2 ประเทศ ไม่ปิดกั้นรับฟังประเทศที่ 3
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 26 ธันวาคม 2568 ที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ออกรายการ “โหนกระแส” ที่มี นายกรรชัย กําเนิดพลอย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ โดยนายกฯ ตอบคําถามกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตอนนี้ปัญหาในมุมนายกฯ ไปถึงไหน นายอนุทิน กล่าวว่า เราควบคุมสถานการณ์ ตั้งไว้ เป้าหมายที่ทางกองทัพได้ตั้งไว้ก็บรรลุเป้าหมาย ครบ ตอบตรงๆ แบบนี้ และน่าจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้
เมื่อถามว่า ก่อนปีใหม่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ตนจะพยายามสุดความสามารถ อยากให้ทุกอย่างกลับมาสู่สภาพที่ทุกคนไม่ต้องหวาดระแวง ประเทศไทยไม่สูญเสียอธิปไตยหรือดินแดน นี่คือเป้าหมาย และทางกองทัพได้ร่วมมือกันมาตลอดเวลา ตั้งแต่เรามีความขัดแย้งกันกับประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อถามว่า มีโอกาสได้คุยกับทางทหาร ว่ายุทธวิธีก็คือต้องหวดให้หนัก แล้วค่อยมาคุยกันบนโต๊ะเจรจา มุมมองของนายกฯ พอจะทราบเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ตนคิกว่าในภาษาทางการทหาร เขามีคําว่า Rules of Engagement ในการปะทะ คําว่า หวดให้หนัก เหมือนเป็นภาษาร้านกาแฟ แต่ประเทศเราทําตามกฎของการปะทะมาโดยตลอด เราก็โดนหนัก ที่บอกไปทําเขาหนัก เรารับรู้รับทราบ เราตอบโต้ทุกครั้งที่มีการละเมิดและถูกโจมตี และถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นกับพี่น้องทหารและประชาชน ตรงนี้เป็นจุดที่เราไม่สามารถจะยอมรับได้
เมื่อถามว่า การประชุมจีบีซีล่าสุดกัมพูชาได้ส่งตัวแทนมาแต่ยังไม่จบสักที มันมีปัญหาอะไร เหมือนเขาพยายามจะดึงเวลา นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเรามองในฐานะที่เราเป็นคู่กรณี ตราบใดที่มีการพูดคุยกันได้ เราก็ต้องถือว่าสถานการณ์น่าจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพราะการพูดคุยกัน ก็คือเหมือนเดิม ไม่แย่ลงไป นอกจากจะมีการเพิ่มการโจมตีอะไรกันอีก นั่นเป็นเรื่องอนาคต แต่ในการปฏิบัติแล้ว กองทัพมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย รักษาดินแดน รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ของกองทัพ และทําความเข้าใจกับ ประชาคมโลก นานาชาติ ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในการเจรจา ส่วนรบก็ต้องว่ากันไป การเจรจาไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ตราบใดที่ยังมีช่องอยู่ เราก็ต้องเจรจากันไป ซึ่งเราก็เจรจากันมาหลายรอบแล้ว แต่สิ่งที่ประเทศไทยสามารถยึดถือ ตนไม่อยากใช้คําว่าได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ต้องมีหลักยึดและแนวทางที่ถูกต้องอธิบายผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ตนคิดว่าประเทศไทยอยู่ในจุดนี้ ประเทศไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลง เราเซ็นกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว แต่ก็ไม่จบ
ทั้งนี้ ปริญญา 4 ข้อ 1.ถอนทหาร ถอนอาวุธ 2.ถอนทุ่นระเบิด 3.ปราบปรามสแกมเมอร์ 4.จัดการบริหารเขตแดนบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ที่สู้รบกันอยู่ ทั้ง 4 ข้อ ถามว่ายากหรือไหม สำหรับประเทศไทยทําได้เลย เป็นเรื่องที่เราปฏิบัติมาตลอด เราจะดูบนหลักนี้ เป็นเรื่องที่เราอธิบายชาวโลกได้ แต่ชาวโลกไม่สําคัญเท่ากับเราอธิบายประชาชนได้ ถ้ามีการล่วงละเมิดรุกล้ำอธิปไตย รุกล้ำดินแดน มีการทําร้ายประชาชน ตนไม่ยอม ชัดเจนตรงนี้และอยู่บนหลักนี้มาโดยตลอด
เมื่อถามว่า การพูดคุยจีบีซี ที่ จ.จันทบุรี ยังดำเนินอยู่ แต่ล่าสุด นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความ ว่า ยกหูคุยกับนาย มาร์โก รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าต้องการหยุดยิง ขณะเดียวกันอีกขาก็คุยกับเรา นายกฯ ตอบว่า เรามีช่องทางในการพูดคุยกัน และความสัมพันธ์พื้นฐานที่รู้จักกันมาก่อน ทั้งนี้มีพรรคพวกที่สนิทกัน รู้จักกัน สามารถที่จะหาทางยุติปัญหาได้ ส่วนสิ่งที่ตนรู้สึกเสียดายทุกวันนี้คือไม่รู้ เข้าผิดซอยกันหรือไม่ สําหรับตน มันมีทางที่จบได้ง่ายๆ ประเทศไทยไม่เสียหายแน่นอน ซึ่งทั้ง 4 ข้อที่อยู่ในปริญญาต่างคนต่างทำ มันก็จบใช่ไหม แต่พอดําเนินการไปจนถึงจุดหนึ่ง มีการแจ้งมาตลอดว่าถ้าเราเก็บกู้ระเบิดเข้าไป เขาจะไม่ยอม ถึงได้เตรียมตัวไว้เป็นอย่างดี แต่ก็ต้องเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าไป การเก็บกู้นั้นมีความชัดเจนในปริญญา ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาเก็บ แต่ใช้ภาษาสากลว่า การเก็บกู้เพื่อมนุษยชาติ แต่ในทางปฏิบัติคือเจอที่ไหนไม่ต้องมาบอกว่าเป็นของใคร แต่ใครเจอเก็บก่อนเลย อันนี้คือสิ่งที่ไทยทํามา เพราะฉะนั้นเราก็เข้าไปเก็บ เก็บแต่ของเขาเพราะประเทศไทยเราไม่มีนโยบายวางทุ่นระเบิด พอเก็บไป มันไม่ใช่ที่วางไว้สมัยคอมมิวนิสต์ ปี 1975 แต่มันเป็นของใหม่ จนดมความสะอาดได้ แม้กระทั่งผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือเอโอที ยังออกเป็นหนังสือยืนยันว่าวัตถุระเบิดนี้เพิ่งมาวาง
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมีโอกาสไปที่ฐานแนวชายแดน ถามว่าอันตรายไหม ก็อันตรายแต่พอประเมินได้ ก็ไปเห็นของจริง มันก็ใหม่จริง เมื่อ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย โทรมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โทรมา บอกว่าของเก่า ก็บอกเห็นรึยัง ตนจับมาแล้ว ดมมาแล้ว มันมีจุดที่ตนสามารถยืนยัน และตนเป็นนายกฯ ของไทยไม่พูดมั่วอยู่แล้ว ตนไม่ใช่เจรจาต่อรองธุรกิจ อันนี้เจรจาบนอธิปไตยของไทย บูรณภาพของแผ่นดิน ตอนนี้ของจริงมีหลักฐานจริง มีข้อเท็จจริงที่เอามาพูด เหมือนกับตอนเราชกกัน ทุกคนก็บอกแยกๆๆ อย่าไปโกรธกัน ท่านอย่าทะเลาะกัน ซึ่งคุณไม่ใช่คู่กรณี
เมื่อถามว่า ความแปลกคือขาหนึ่งเขาพยายามเจรจากับเรา ผ่านทางจีบีซี อีกขาหนึงก็ยกหูไปหาสิ่งที่เขาต้องการ นายกฯ ตอบว่า มันจึงไม่จบ คุณคิดว่าเราเป็นคู่กรณีก็คุยกันตรงนี้ นี่คือสิ่งที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ของเราเน้นมาตลอด ย้ำแล้วย้ำอีกว่าเรื่องนี้ ปัญหาคือทวิภาคุณกับผม ซึ่งการประชุมจีบีซีครั้งนี้ถ้ายังไม่จบ แล้วตกลงกันไม่ได้ ประเทศไทยต้องมีกรอบ มีเงื่อนไขของเรา เพราะเราไม่ใช่คนละเมิด แต่เราถูกละเมิด เราจึงต้องมีกรอบของเราว่าต้องเริ่มจากตรงนี้ ซึ่งมีข้อเสนอว่าให้กลับไปที่เดิม แต่มันกลับไปที่เดิมไม่ได้ เพราะเราได้เข้าไปสถาปนาอธิปไตย คํานี้เพราะ ตนชอบคํานี้มาก ประเทศไทยได้ไปสถาปนาอธิปไตยบนพื้นที่ที่เรามั่นใจว่าเป็นพื้นที่ของเรา ฉะนั้น การดําเนินการใดๆ ก็แล้วแต่ ต้องเริ่มจากจุดนี้เป็นต้นไป ไม่ใช่ว่าสถาปนาอธิปไตยแล้วถอยกลับมาๆ มันไม่ใช่ ไม่ได้
เมื่อพิธีกรถามว่า กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา เบ็ดเสร็จคงไม่ยืดเยื้อไปถึงตอนเลือกตั้งในเดือน ก.พ.69 ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนอยากให้มันจบวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ประเทศไทยเรา ตนยังยืนยันประเทศไทยเราไม่ได้เป็นตัวปัญหา เพราะฉะนั้น ขอยกตัวอย่าง ทางกองทัพเขาแถลงชัดเจนว่าเขาสถาปนาบูรณภาพแห่งดินแดนได้แล้วตรงนั้นตรงนี้ เป็นไปตามที่เขามีเจตนารมณ์ไว้ เรียกคืนอธิปไตยให้กับราชอาณาจักรไทยแล้ว ถ้าฝั่งคู่กรณีเราต้องการยุติ เราก็ไม่ได้เสียอะไรแล้ว ก็ยุติกัน ยุติได้ ที่ผ่านมาที่มันจบไม่ได้เพราะเราเสียไปเราถูกยึดเอาไปเราถูกครอบครองไปอย่างนี้เป็นต้น แต่พอเรากำหนดจุดว่าตรงนี้ต้องเป็นของเรา แล้วครอบครองกลับมา ถ้าเขาจะจบตรงนี้ เราก็จบได้
พิธีกรถามว่า ประชาชนอยากได้รั้วในแนวเขตต่างๆ ท่านมองเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ทางกองทัพเตรียมไว้อยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่เป็นกำแพงที่ยาว เป็นเรื่องของการทหารและเรื่องของกองทัพ ซึ่งกองทัพมีความชัดเจนตรงนี้อยู่แล้วรัฐบาลไม่มีปัญหาตรงนี้ หากเป็นความต้องการของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน เพราะในบางจุดเขาต้องการความสบายใจว่าเขาจะไม่ถูกคุกคาม แต่กำแพงนี้ถามว่ามันดีไหมมันก็ดี แต่ในมิติของพรรคภูมิใจไทยไม่ได้หมายถึงกำแพงที่เอาอิฐมาก่อเป็นทางยาวๆ แต่ขอใช้คำว่ารั้วของชาติ ซึ่งหากกำหนดนโยบายเกี่ยวกับความมั่นคง การสร้างรั้วของชาติ คือ การยกเลิกการเกณท์ทหาร แล้วใช้ทหารอาสาทุก 4 ปี 1 แสนคน มีเงินเดือน ฝึกอาชีพ ฝึกทักษะทางการทหารให้เขาสามารถมีทั้งความรู้ เรียนภาษาอังกฤษใช้ในการดำรงชีวิตเมื่อเขาปลดประจำการ ถ้าเราได้คนเหล่านี้เข้ามา ซึ่งมีอยู่แล้วคนที่สมัครใจ เราจะเปลี่ยนจากคำว่าทหารเกณฑ์ เป็นทหารอาสา 4 ปี ส่วนรั้วอีกอันคือการทำให้ระบบสแกมเมอร์ อาชญากรรมข้ามชาติและและอาชญากรรมเทคโนโลยีทั้งหลายไม่มีโอกาสใช้แนวชายแดนเป็นแหล่งประกอบอาชญากรรมต่างๆ เราก็ทำอยู่ตอนนี้ ย้ำว่าเรื่องของกำแพงเห็นชัดเจนว่าจะต้องสร้างกำแพงตั้งแต่เราปิดด่านชายแดนราคาพืชผลทางการเกษตรสูงขึ้นมันสำปะหลังสูงขึ้น ข้าวสูงขึ้น เพราะไม่มีของจากต่างประเทศเข้ามา
“รัฐบาลให้การสนับสนุนเรื่องที่ทหารเสนอขึ้นมาและรัฐบาลรับได้ เหล่าทัพก็ฟังข้อกังวลและฟังแนวทางของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีภาระต้องอธิบายให้นานาชาติเข้าใจและดำเนินการทางการทูต ซึ่งในปัจจุบันการทำงานของรัฐบาลและกองทัพไปได้ด้วยดี เข้าใจกันดี สนับสนุนซึ่งกันและกัน ฉะนั้น การดำเนินการจึงไปในทางเดียวกัน แต่ในทางปฏิบัติเรื่องการปกป้องพื้นแผ่นดิน ผมจะไปบอกว่าต้องไปทำอย่างนี้อย่างนั้นมันเป็นไปไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่กองทัพดำเนินการและตัดสินใจได้เลย” นายอนุทิน กล่าว
พิธีกรถามว่า หากรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาโทรศัพท์มาบอกว่าให้นายกฯ หยุดยิง นายอนุทิน กล่าวว่า ต้อง นายฮุน มาเนต โทรศัพท์มาไม่ใช่คนอื่นโทรศัพท์มา อันนี้เป็นเรื่องทวิภาคีเรื่องความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ถือว่าการปฏิบัติการดำเนินการทุกอย่างต้องให้ถือเป็นระดับทวิภาคี คือ 2 ประเทศคนอื่นประเทศที่ 3 – 4 เราฟัง พิจารณาแต่ในที่สุดก็ต้องพูดคุยกันระหว่างผู้นำของสองประเทศและเรารู้ว่าเราต้องทำอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของเพื่อนบ้านกันขอคุยกันเองดีกว่า