
เบรกโครงการใหม่ สำนักงบฯคุมเข้มช่วงเลือกตั้ง ออกแนวทางปฏิบัติ
วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
เบรกโครงการใหม่ สำนักงบฯคุมเข้มช่วงเลือกตั้ง ออกแนวทางปฏิบัติ ห้ามใช้ขรก./ของหลวง เอื้อประโยชน์การเมือง
“สำนักงบประมาณ” ออกแนวปฏิบัติบริหารงบประมาณช่วง“ยุบสภาฯ” ระงับจัดสรรงบ“โครงการใหม่” – มีผลผูกพัน “ครม.ชุดหน้า” ห้ามใช้ทรัพยากร-บุคลากรของรัฐ ที่จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงบประมาณ โดยนายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อํานวยการสำนักงบประมาณ ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0702/ว57 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการบริหารงบประมาณรายจ่ายอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ส่งถึงไปหัวหน้าหน่วยรับงบประมาณ โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่ได้มี พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2568 กําหนดให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ และโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 168 กําหนดให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งเมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 167 (2) คณะรัฐมนตรีจะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรา 169 ประกอบกับตามหนังสือที่อ้างถึง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2568 กำหนดแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัตินั้น
เพื่อให้การบริหารงบประมาณรายจ่ายในระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎรจนถึงวันที่คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ แนวทางปฏิบัติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณจึงกำหนดแนวทางปฏิบัติในการบริหารงบประมาณรายจ่ายบางประการอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้
1.การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายสำหรับงานหรือโครงการหรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป (มาตรา 169 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย)
1.1 ขอให้หน่วยรับงบประมาณระงับการขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับแผนงาน/โครงการใหม่ หรือขอใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายที่จะมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
1.2 กรณีเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ยังมิได้เสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีหรือได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่มีความจำเป็นต้องขอเปลี่ยนแปลงรายการหรือขอเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามข้อ 7 (3) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ที่จะมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไปให้ระงับการดำเนินการไว้ก่อนจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่
2.การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น (มาตรา 169 (3)ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย)
2.1 การขอใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น จะกระทำได้เท่าที่จําเป็นเฉพาะเกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของหน่วยรับงบประมาณที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือ ที่ได้รับการจัดสรรไปแล้วแต่มีจำนวนไม่เพียงพอและมีความจําเป็นเร่งด่วนต้องขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาประโยชน์ของรัฐ รักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศหรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ หรือเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการหรือเป็นการบรรเทาภัยพิบัติแก่ประชาชน
2.2 ให้หน่วยรับงบประมาณที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็นตามข้อ 2.1 ยื่นคําของบประมาณต่อสำนักงบประมาณ
โดยให้เสนอเรื่องให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาก่อน เว้นแต่กรณีที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไว้แล้วกรณีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมหรือกำกับดูแลของฝ่ายบริหารที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น ให้เสนอขออนุมัติหลักการต่อคณะรัฐมนตรีก่อน
สำนักงบประมาณจะถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น พ.ศ.2562 และในกรณีที่เป็นอำนาจของ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ตามข้อ 9(2) หรือ (3) แล้วแต่กรณี เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบแล้ว สำนักงบประมาณจะดำเนินการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น ให้กับหน่วยรับงบประมาณต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้หน่วยรับงบประมาณประสานกับเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณที่รับผิดชอบงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อร่วมกันจัดส่งผู้แทนไปชี้แจง หรือส่งข้อมูลเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร้องขอ
3.การใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐ (มาตรา 169 (4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) การใช้งบประมาณรายจ่าย การโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ซึ่งถือเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐ เพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ.2563 ให้ถือปฏิบัติตามนัยข้อ 5 ของระเบียบดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
โดยถือเป็นความรับผิดชอบของหน่วยรับงบประมาณที่จะไม่นํางบประมาณรายจ่ายไปใช้เพื่อกระทำการใด อันอาจมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดอย่างไรก็ดี กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณที่อาจเป็นการขัดหรือแย้งกับระเบียบดังกล่าว ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ได้ข้อยุติก่อนการดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ กรณีการปฏิบัติที่ไม่ได้กำหนดเป็นข้อห้ามไว้ในแนวทางปฏิบัติข้างต้น ขอให้หน่วยรับงบประมาณถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ แนวทางปฏิบัติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด