
ณัฐพงษ์ ผู้สมัคร สส. หาเสียงสมุทรสาคร ประชาชนแห่ตอบรับล้นหลาม
วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 17.24 น.
“ณัฐพงษ์” และผู้สมัคร สส. หาเสียงสมุทรสาคร ประชาชนแห่ตอบรับล้นหลาม พร้อมเปิดเวทีรับฟังปัญหาผู้ประกอบการประมง ชี้ปัญหาปลาหมอคางดำยังไร้ผู้รับผิดชอบ เหตุรัฐไม่บังคับใช้กฎหมายทุนใหญ่ ย้ำถ้าเป็นรัฐบาลประชาชนจะปรับการบังคับใช้กฎหมาย จี้เอาผิดคนต้นเหตุให้ถึงที่สุด ไม่เกรงใจใคร
วันที่ 29 ธันวาคม 2568 ที่ จ.สมุทรสาคร ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมกิจกรรมหาเสียงกับผู้สมัคร สส.สมุทรสาคร พรรคประชาชน ทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ผู้สมัครเขต 1 (เบอร์ 5), ศิรสิทธิ์ สงนุ้ย ผู้สมัครเขต 2 (เบอร์ 4), ศิริโรจน์ ธนิกกุล ผู้สมัครเขต 3 (เบอร์ 3) และ อานนท์ งามดอกไม้ ผู้สมัครเขต 4 (เบอร์ 6)
โดยในช่วงเช้า ณัฐพงษ์และคณะได้ร่วมหาเสียงพบปะประชาชนที่ อ.บ้านแพ้ว โดยเริ่มต้นที่ตลาดหลักสี่ ก่อนขึ้นรถแห่ประชาสัมพันธ์ไปรอบ อ.บ้านแพ้ว ก่อนเดินทางไปพบปะกับประชาชนผู้ประกอบอาชีพประมง ที่สมาคมประมง สมุทรสาคร ก่อนร่วมกิจกรรมหาเสียงที่ตลาดมหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จากนั้นในช่วงบ่ายจึงร่วมขึ้นรถแห่ประชาสัมพันธ์ไปรอบ ต.ท่าฉลอม ก่อนเดินทางไปร่วมกิจกรรมหาเสียงที่ จ.สมุทรสงครามต่อไป
สำหรับบรรยากาศการหาเสียงตลอดทั้งวัน คณะของพรรคประชาชนได้รับการตอบรับจากประชาชนตลอดสองข้างทางที่สัญจรไปมาและที่อยู่ตามร้านรวงต่างๆ เป็นอย่างดี โดยระหว่างการหาเสียงมีประชาชนเข้ามาทักทาย สะท้อนปัญหา และให้กำลังใจกับผู้สมัครจากพรรคประชาชน พร้อมนำน้ำและของทานมาให้ตลอดเส้นทางที่มีการหาเสียง

ทั้งนี้ หลังเวทีนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อนโยบายประมง ที่สมาคมประมง สมุทรสาคร ณัฐพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่าปัญหาประมงเป็นปัญหาที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร รวมถึง 22 จังหวัดตามแนวชายฝั่ง สิ่งที่สำคัญตอนนี้นอกจากเรื่องของ พ.ร.ก.ประมง ที่พรรคประชาชนได้รับฟังเสียงอย่างรอบด้านและผ่านสภาไปแล้ว ยังมีเรื่องของงานวิจัยที่เป็นปัจจุบันที่ถูกต้อง ได้รับการยอมรับจากทุกส่วน ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยทำประมงอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งทางฝั่งประมงพาณิชย์เองก็ไม่ได้ขัดข้อง
เพราะฉะนั้นจึงมีข้อเสนอจากฝั่งตัวแทนผู้ประกอบการประมง ที่ตนได้มานำเสนอนโยบายและรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ ว่าควรจะมีการตั้งหน่วยงานขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อดูแลทั้งงานวิจัยและงานอื่นๆ อย่างเช่นกรมประมงทะเล ซึ่งพรรคประชาชนจะรับไปพิจารณาว่าข้อเสนอนี้เหมาะสมหรือไม่อย่างไรต่อไป

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของการกู้ชีพชาวประมง เพราะที่ผ่านมาแม้ พ.ร.ก.ประมง จะผ่านสภาไปแล้ว โทษต่างๆ มีการปรับลดลงให้มีความเป็นธรรมมากขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่ก็คือยังมีเรือประมงอีกหลายพันลำที่ยังจอดค้างอยู่ ซึ่งชาวประมงในส่วนนี้มีศักยภาพที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ เพียงแต่ขาดแหล่งเงินทุน จึงมีข้อเสนอในการออก พ.ร.บ.กองทุนในการกู้ชีพชาวประมง อย่างน้อยช่วยอุดหนุนในเรื่องค่าแรง ต้นทุน ค่าน้ำมันต่างๆ เพื่อให้สามารถเดินทะเลได้ และมีรายได้กลับมาหมุนเวียนให้เศรษฐกิจประมงกลับมาได้
ทั้งหมดข้างต้นเป็นข้อเสนอหลักที่วันนี้ตนได้มารับฟังจากตัวแทนผู้ประกอบการประมง นโยบายประมงเป็นนโยบายที่พรรคประชาชนให้ความสำคัญไม่แพ้กับนโยบายอื่น ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดสมุทรสาครอย่างเดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับทั้ง 22 จังหวัดตลอดแนวชายฝั่ง และเป็นส่วนสำคัญที่จะเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วย
ณัฐพงษ์ยังกล่าวต่อไปว่าสำหรับกรณีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคประมงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้เลี้ยงปลา ปัญหาที่ผ่านมาเกิดจากการขาดการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงที่ทำให้เกิดการระบาด ตอนนี้ทุกอุตสาหกรรมมีเสียงสะท้อนออกมาว่าภาครัฐในปัจจุบันมักบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบธุรกิจตัวเล็กตัวน้อยที่ทำตามกฏหมาย แต่คนที่สร้างต้นทุนและภาระให้กับสังคม อย่างเช่นกรณีปลาหมอคางดำนี้ เราต่างทราบกันดีว่าใครเป็นต้นสายปลายเหตุ แต่ยังกลับไม่มีภาครัฐจะลงไปเรียกค่าเสียหายหรือดำเนินคดีอย่างเข้มข้นตรงไปตรงมา เพื่อชดใช้ต้นทุนที่เกิดขึ้นกับคนตัวเล็กตัวน้อยทุกคนในสังคม
ถ้าเป็นรัฐบาลพรรคประชาชน จะมีการลงไปปรับหลักการบังคับใช้กฎหมายนี้ให้ถูกต้อง ตอนนี้ข้อมูลค่อนข้างชัดระดับหนึ่ง และถ้ามีหลักฐานที่ชัดเจน รัฐบาลพรรคประชาชนจะไม่ละเว้นคนที่กระทำความผิดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือคนในของรัฐบาลและของพรรคประชาชนก็ตาม

















