ศรีสุวรรณ ร้อง กกต สอบพรรคประชาชน หลัง บุญฤทธิ์ เอี่ยวค้ายา ฟอกเงิน

ศรีสุวรรณ ร้อง กกต สอบพรรคประชาชน หลัง บุญฤทธิ์ เอี่ยวค้ายา ฟอกเงิน

ศรีสุวรรณ ร้อง กกต สอบพรรคประชาชน หลัง บุญฤทธิ์ เอี่ยวค้ายา ฟอกเงิน

วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.45 น.

วันนี้ ( 30 ธันวาคม 2568) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องแจ้งเบาะแสแก่คณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคการ เมือง  เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนพรรคประชาชนกรณีที่ปรากฎเป็นการทั่วไปต่อการที่นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม.เขต 33 (บางกอกน้อย–บางกอกน้อย)   ในนามพรรคประชาชนถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)เข้าจับกุมในปฏิบัติการ Black Mirror TKP

โดยถูกกล่าวหาว่าพัวพันคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท อันถือได้ว่าเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคง-เศรษฐกิจของชาติหรือราชการแผ่นดิน หรือเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเป็นข้อห้ามตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่

ศรีสุวรรณ

ทั้งนี้ การค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของสังคมไทย การที่พรรคประชาชน(ปชน.)

ในฐานะพรรคการเมืองต้นสังกัดของนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อข้อกล่าวหาที่มีผลมาจากการกระทำตามกรณีที่เกิดขึ้นมิได้ เนื่องจากเป็นถึงสมาชิกและผู้สมัคร สส.ของพรรคที่ถูกคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้เป็นผู้สมัคร สส.ในนามพรรคประชาชนไปแล้ว (แม้จะลาออกจากสมาชิกพรรคแล้วก็ตาม) ย่อมต้องผ่านการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ จริยธรรมและกลั่นกรองคุณสมบัติมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซึ่งนายบุญฤทธิ์ถูก บช.ปส.เปิดเผยว่า  มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทที่ไขว้กันไปมาหลายบริษัทและมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดที่ถูก บก.ปส.จับกุมก่อนหน้านี้  ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ตรวจสอบได้ในฐานข้อมูลหน่วยงานรัฐ ไม่ใช่เป็นแค่ข่าวในโซเชียลเท่านั้น

ศรีสุวรรณ

ดังนั้น สังคมได้ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาคือพรรคประชาชนปล่อยให้บุคคลที่มีการกระทำหรือมีพฤติการณ์อันเป็นความเสี่ยงระดับนี้  ผ่านการคัดเลือกจนเป็นว่าที่ผู้แทนประชาชนได้อย่างไร การที่พรรคอ้างว่าได้ “ขับออก” และ “เปลี่ยนตัวผู้สมัคร” หลังจากตำรวจบุกจับแล้วนั้น นี่ไม่ใช่จริยธรรม แต่คือการ ตัดตอนเพื่อเอาตัวรอดใช่หรือไม่  และการขับออกเพราะกลัวความเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคใช่หรือไม่ ทั้งๆที่เหตุที่เกิดบุคคลดังกล่าวยังเป็นสมาชิกพรรค และพรรคยังส่งไปมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วย สส.ไปเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการ

อีกหลายคณะ  ซึ่งถือได้ว่าหากมีความผิด ก็เป็นความผิดที่สำเร็จไปแล้ว การขับออก หรือให้ลาออก และเปลี่ยนตัวผู้สมัครฯ ไม่อาจหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือของกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ได้

ศรีสุวรรณ

ด้วยเหตุดังกล่าว องค์การรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำความมาร้องเรียนและชี้เบาะแสให้นายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.ได้ทำการไต่สวนและสอบสวนตรวจสอบการกระทำในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะเส้นทางเงินของนายบุญฤทธิ์ว่ามีการบริจาคให้พรรคประชาชนด้วยหรือไม่ เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 44 และหรือมาตรา 45 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ หากตรวจพบเป็นไปตามเบาะแสนี้แล้ว อาจนำไปสู่การเสนอเรื่องเพื่อยุบพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนมาตราดังกล่าวได้ ตามมาตรา 92(3) ของกฎหมายดังกล่าวต่อไป

ศรีสุวรรณ

Leave a comment