หวังปักธงเมืองกรุง ภท.ชู‘พูดแล้วทำพลัส’ดึงคะแนน ปชป.เปิด27นโยบาย‘คนไทยหายจน’

หวังปักธงเมืองกรุง  ภท.ชู‘พูดแล้วทำพลัส’ดึงคะแนน  ปชป.เปิด27นโยบาย‘คนไทยหายจน’

หวังปักธงเมืองกรุง ภท.ชู‘พูดแล้วทำพลัส’ดึงคะแนน ปชป.เปิด27นโยบาย‘คนไทยหายจน’

วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

กกต.สรุปตัวเลขยอดลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร 9 วัน ผู้ลงทะเบียนเกือบ 7 แสนราย “ภูมิใจไทย” หวังปักธงเลือกตั้งเมืองกรุง มั่นใจคุณภาพ 33 ผู้สมัครสส.กทม. รับเป็นเรื่องยาก แต่เป็นไปได้ “ธนกร” เชื่อ“พูดแล้วทำพลัส” เรียกความเชื่อมั่นกลุ่มพลังเงียบเทคะแนนให้ “ภูมิใจไทย” ชี้เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่เลือก สส.ที่ชอบ แต่เป็นการเลือกนายกฯ ที่เป็นคนดี รักชาติ รักสถาบัน ให้มาบริหารประเทศ “ปชป.”เปิดนโยบาย“ไทยหายจน ด้วยคนทำเป็น”ชู 4 เสาหลัก 27 นโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง69 “มาร์ค” เหน็บแค่ “พูดแล้วทำ” ไม่พอ ต้อง“คิดก่อนพูด” แล้ว “ทำเป็น” ด้วย “ยศชนัน” วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ หลัง “เพื่อไทย” ถูกทำลายป้ายหาเสียงหลายเขต บอกไม่ถูกต้อง หลังถูกวิจารณ์เป็นพรรคตัวแปรอันดับ 3 เหตุประชาชนยังไม่ตัดสินใจ

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 สำนักงาน กกต.สรุปตัวเลขผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง หรือเลือกต้องล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร เป็นวันที่ 9 รวมมีผู้ขอลงทะเบียนแล้ว 688,951 คน โดยเป็นการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง จำนวน 2,460 คน ผู้ขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต 629,595 คน และลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกราชอาณาจักร 56,896 คน

สำหรับการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า จะเปิดให้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ ไปจนถึงวันที่ 5 มกราคม 2569 ปุ๋ยสามารถยื่นขอลงทะเบียนได้ 3 ช่องทาง ที่ 1 ลงทะเบียนด้วยตัวเองยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอ นายทะเบียนท้องที่ ,สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตกรุงเทพมหานคร และสถานเอกอัครราชทูตในถิ่นที่ตนพำนัก ช่องทางที่สองยื่นลงทะเบียนทางไปรษณีย์ และช่องทางที่สาม ยื่นลงทะเบียนทางออนไลน์

สำหรับผู้ขอลงเปลี่ยนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจะต้องไปเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 เท่านั้น และการออกเสียงประชามติ กกต.จะเปิดให้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตและนอกราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2569 และจะต้องไปออกเสียงในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ซึ่งเป็นวันที่ถูกกำหนดให้มีการออกเสียงพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป

นายกฯนำคณะเปิดงานปิดทองเบิก

เมื่อเวลา 09.45 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากท่าอากาศยานบุรีรัมย์ มาถึงบริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อเป็นประธานกิจกรรมโครงการปิดทองเบิกฟ้าสักการะบูชา มหาราชรัชกาลที่ 1 โดยมี พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม , นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด , พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก , พล.ต.ต.วรายุส์ จันทร์เยี่ยม ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยข้าราชการทหาร ตำรวจ อส. ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บุรีรัมย์ ให้การต้อนรับ และร่วมพิธีบวงสรวงด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พร้อมจุดธูป เทียน บูชาเครื่องบวงสรวง ขณะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ร่วมปักธูปบนเครื่องสังเวย พร้อมสวดบทบูชาพระรัตนตรัย บทชุมนุมเทวดา และบทถวายเครื่องสังเวย จากนั้นพราหมณ์บรรเลงดนตรี เพลงบาทสกุณี และนายกรัฐมนตรีโปรยดอกไม้ใส่เครื่องบวงสรวง

จากนั้นระหว่างที่พระสงฆ์กำลังสวดบทชะยันโต ทั้งนี้นายอนุทิน และนายเนวิน ได้ปิดทองที่ยอดพุ่มเงินพุ่มทอง ทั้งสี่ทิศของอนุสาวรีย์ จากนั้นได้มาปิดทองที่ฐานฉัตรแก้ว ต้นที่ 37 จากนั้นนายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีจะได้มารุมกันปิดทองที่ฐานฉัตรต้นที่ 37

ทั้งนี้ โครงการ”ปิดทองเบิกฟ้า สักการบูชามหาราชรัชกาลที่ 1” เป็นงานประเพณีประจำปีของจังหวัดบุรีรัมย์ จัดขึ้นช่วงสิ้นปี-ปีใหม่ วันที่ 29 ธันวาคม – 1 มกราคม เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมกันปิดทองคำเปลวรอบพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 ณ วงเวียน ร.1 จ.บุรีรัมย์ เป็นการแสดงความเคารพรักและเสริมสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ และรำลึกถึงวีรกรรมของรัชกาลที่ 1 โดยเป็นกิจกรรมที่จัดโดยจังหวัดร่วมกับส่วนราชการต่างๆ เพื่อสืบสานประวัติศาสตร์และสร้างความเป็นสิริมงคล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างบวงสรวง นายเนวิน ได้มานั่งบวงสรวงใต้ฉัตรเงินต้นที่ 37 จากฉัตรทั้งหมดที่มีทั้งสิ้น 360 ต้น รอบพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ซึ่งตรงกับหมายเลขผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย

“อนุทิน” ไม่กลัวเม็ดส้มติดคอ

จากนั้น นายเนวินได้มอบส้มให้นายอนุทิน ลูกหนึ่งพร้อมกล่าวว่าจะได้กล้วยๆโดยนายอนุทินได้เอาส้มเคาะเสาที่37 ด้วย จากนั้นได้ปลอกเปลือกส้มกิน ซึ่งนายเนวินได้ถามนายอนุทินว่าส้มหวานหรือไม่ นายอนุทิน ตอบรับว่า หวาน ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าส้มเม็ดเยอะหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “นั่นแน่ ถามแบบนี้ ไม่ได้หวังดีแน่นอน” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่ากลัวนายกฯ ติดคอ นายอนุทินจึงตอบกลับว่า กลืนเข้าไปก็ย่อยสลายหมด

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายเนวิน ว่าเบอร์37เด็ดอย่างไร นายเนวิน กล่าวว่า “เด็ดตรง ชาวบ้านเลือกนี่ แหละ”

ภท.หวังปักธงเลือกตั้งเมืองกรุงฯ

น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบการเลือกตั้ง สส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ของพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้ง พื้นที่กทม.ว่า ครั้งนี้พรรคภูมิใจไทยได้ส่งผู้สมัคร สส. ในพื้นที่ กทม. ครบทั้ง 33 เขต มั่นใจในคุณภาพของผู้สมัครทุกคน ซึ่งความท้าท้ายพรรคภูมิใจไทยในการแข่งขันพื้นที่ กทม. โดยพรรคได้มีการเปิดตัวทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคทั้ง 2 คน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว และก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทยก็ได้ประกาศแล้วว่า หากกลับมาเป็นรัฐบาล จะให้นายสีหศักดิ์ เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.การต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นรองนายกฯ ควบรมว.พาณิชย์ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ ควบ รมว.การคลัง คิดว่าคนกรุงเทพฯ น่าจะสบายใจได้ว่า พรรคมีมืออาชีพที่จะเข้ามาทำงานให้กับประชาชน รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดขึ้นได้จริง และสานต่อนโยบายต่าง ๆ ที่เคยทำไว้ตามสโลแกนหาเสียงคือ พูดแล้วทำพลัส

ยอมรับเป็นเรื่องยาก แต่เป็นไปได้

เมื่อถามถึงความคาดหวังหรือการตั้งเป้าปักธงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากแต่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นการลงสนาม กทม. ในครั้งนี้ก็ต้องการสร้างปรากฏการณ์ภูมิใจไทยปักธงเมืองหลวงครั้งแรก แม้ก่อนหน้านี้อาจจะถูกมองว่าฐานเสียงอยู่แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็ตาม ทั้งนี้ สำหรับความพร้อมการเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทย ล่าสุดได้มีการปล่อยเพลงแคมเปญหาเสียงผ่านแฟนเพจของพรรค โดย ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค ขับร้องโดย สุเมธ องอาจ พร้อมการโปรโมตชุดนโยบายพูดแล้วทำพลัสอีกด้วย

“ธนกร”เชื่อมั่น“พูดแล้วทำพลัส”

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อว่า เชื่อว่าด้วยชุดนโยบาย “พูดแล้วทำพลัส” ของพรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของนายอนุทิน นั้น จะทำให้พรรคได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั้งประเทศอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วทำจริงๆ โดยเฉพาะประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหนในขณะนี้ซึ่งถือเป็นกลุ่มตัวแปรที่สำคัญนั้น ก็เชื่อว่ากำลังติดตามนโยบายของพรรคอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในช่วงเวลาที่เหลือนับจากนี้ พรรคภูมิใจไทยจะนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะเวลานี้สิ่งที่คนไทยต้องการมากที่สุดคือ รัฐบาลที่ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากประชาชน ซึ่งนายอนุทินได้แสดงให้เห็นมาตลอดว่ามีความสามารถด้านการบริหาร และเรียกความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนต่างชาติได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด

“พรรคภูมิใจไทยมีขั้นตอนการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคอย่างรอบคอบ ชัดเจน มีการตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติแบบเชิงลึกให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจในตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทยได้ว่า เชื่อถือได้ และไม่มีเทาเจือปนอย่างแน่นอน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลือก ส.ส.ที่ชื่นชอบ แต่เป็นการเลือกนายกฯ ที่เป็นนักบริหาร เป็นคนดี มีความรักชาติ รักสถาบัน ให้เข้ามาบริหารประเทศ” นายธนกร กล่าว

ปชป.ชู“ไทยหายจน ด้วยคนทำเป็น”

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 1 แถลงข่าวเปิดนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายกรณ์ จาติกวณิช แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 2 และน.ส.การดี เลียวไพโรจน์ แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3 เข้าร่วมการแถลงข่าว

โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกันมาและเป็นทีมเวิร์คที่ดี อาสามาเข้ามาเปลี่ยนแปลงให้คนไทยและประเทศไทย หลุดพ้นจากภาวะ ‘ทนหายใจ’ ไปสู่ ‘ไทยหายจน’ ด้วยทีมที่มีประสบการณ์การบริหารประเทศ มีความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และทำงานเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำ GDP ของประเทศเติบโตได้ 5% ภายใน 4 ปี ร่วมกันแถลงเปิดตัว 4 เสาหลังสู่ 27 นโยบายไทยหายจน ด้วยคนทำเป็น

4เสาหลักสู่27นโยบายไทยหายจน

เสาที่1 หายจนรายได้ 1. ประกันรายได้จ่ายทันที 2. ประกันรายได้แรงงาน 3. ลดค่าไฟไม่ใช่เงินภาษี

4. ประเทศไทยศูนย์กลางพลังงานแห่งอาเซียน 5. พันธบัตรป่าไม้ปลูกป่าได้เงินเดือน 6. เงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่เสียภาษี 7. รถไฟฟ้า+รถเมล์ สูงสุด 30 บาท 8. สลากออมสินรายจังหวัด “เฮงได้ แห้วคืน”

เสาที่2 หายจนใจ 9. โอบอุ้มคุณแม่ดูแลลูกน้อย 10. เบียร์คนชราทั่วหน้า 1000 11. 50,000บาท ผู้สูงอายุปลอดภัย 12. แปลงบ้านสูงวัยเป็นเงินใช้เลี้ยงชีพอยู่ฟรีตลอดชีวิต 13. ทำฟันสูงวัย Fast Track 14. เบี้ยคนพิการ ถ้วนหน้า x2

เสาที่ 3 หายจนปัญญา 15. บุฟเฟต์การศึกษา เรียนสิ่งที่อยากเรียน 16. เรียนฟรี ต้องฟรีจริง 17. หางานให้ ใช้หนี้ กยศ. 18. English for All /แพลตฟอร์ม Learn to Earn/NDLP

เสาที่ 4 หายจนตรอก 19. ราชการในมือถือ 20. Open Data ข้อมูลภาครัฐ 21. จัดซื้อจัดจ้างให้โอกาส SMEs ไทย Made-in-Thailand First 22. ตัดตอนกฎหมายล้าสมัยด้วย Super Act 23. บทเรียนจากหาดใหญ่ ประเทศไทยพร้อมเผชิญภัยพิบัติ 24. แก้ปัญหา PM 2.5 เร่งกฏหมาย 3 ฉบับ 1.พรบ. อากาศสะอาด 2.พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 3.พรบ.เศรษฐกิจหมุนเวียน 25. บำบัด ปราบ ปกป้องยาเสพติด/แสกมเมอร์ 26. ทหารอาสา 4 ปี เรียนฟรีอนุปริญญาขึ้นไป ปลดประจำการมีงานให้ รับสมัครทหารอาสา โดยสามารถรับราชการได้สี่ปีมีสวัสดิการเหมือนข้าราชการทหารประจำการ 27. มอร์เตอร์เวย์สี่ทิศ รถไฟความเร็วสูง เชื่อมไทยเชื่อมโลก

เหน็บแค่“พูดแล้วทำ”ยังไม่พอ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กรอบนโยบายดังกล่าวจะขับเคลื่อนโดยทีมงานที่มีประสบการณ์ โดยย้ำแนวคิดพูดแล้วต้องทำได้จริงเพื่อพาประเทศไทยหลุดพ้นจากภาวะ“ทนหายใจ” สู่ “ไทยหายจน” อย่างยั่งยืน

“วันนี้มีคนพูดนโยบายเยอะแยะ บางคนสัมผัสว่าไม่ใช่แค่พูดนะแต่พูดแล้วทำมันไม่พอหรอกครับเพราะต้องคิดก่อนพูด และพูดแล้วต้องทำเป็นนะพวกเราทำเป็นครับ” นายอภิสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย

“ยศชนัน”วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์

ที่พรรคเพื่อไทย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ที่มีผู้ไม่หวังดีมาเขียนเบอร์ของพรรคการเมืองอื่นลงในป้ายหาเสียงผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ในขณะที่บางเขตมีการทำลายป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยอีกด้วย ว่า ตรงนี้ต้องรณรงค์ว่า ควรจะทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ส่วนประเด็นการวางป้ายของพรรคในพื้นที่ ที่ไม่เหมาะสม เราก็น้อมรับ และทีมงานก็พร้อมที่จะปรับปรุง พร้อมขอวิงวอนหลายภาคส่วน เรื่องนี้หากพบเห็นสามารถแจ้งเข้ามามายังพรรคเพื่อไทยได้ เพื่อให้การเมืองดีขึ้น เพราะปีหน้า จะต้องเป็นปีแห่งความหวังของประชาชน

ส่วนที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นพรรคอันดับ 3 เป็นพรรคตัวแปร นายยศชนัน กล่าวว่า การมองแบบนี้เป็นการมองที่ไม่ถูกต้อง เพราะสิ่งสำคัญขณะนี้คือประชาชนยังไม่ได้ตัดสินใจ เป็นการที่ไม่ฟังเสียงประชาชนแม้แต่นิดเดียว คิดว่าเรื่องนี้ต้องเปลี่ยนแปลง และสิ่งสำคัญที่สุดในเวทีนี้ คือการพูดคุยกันไปข้างหน้า สิ่งที่ประชาชนอยากฟังตอนนี้คือ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ เชิงโครงสร้าง ที่คิดว่าจะมีประเด็นเหล่านี้เพิ่มเติมให้ การมองประเด็นปัญหาในสายตาของประชาชนทุกช่วงวัย เป็นสิ่งที่เราจะมาเริ่มดูว่า แต่ละพรรคการเมืองใด มีนโยบายเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

Leave a comment