
ฝากขัง-ค้านประกัน ปส.สอบเข้มอดีตผู้สมัครสส.ปชน. เจ้าตัวปัดเอี่ยวฟอกเงิน
วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
ฝากขัง-ค้านประกัน ปส.สอบเข้มอดีตผู้สมัครสส.ปชน. เจ้าตัวปัดเอี่ยวฟอกเงิน ปชน.มั่นใจไม่กระทบลต.
ตำรวจ บก.ปส.สอบเข้ม อดีตผู้สมัคร สส.กทม.พรรคประชาชนกับพวกยังให้การปฏิเสธเอี่ยวคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติด ยอมรับเป็นกรรมการบริษัทหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายบริษัทTKPจริงยังสอบปากคำไม่แล้วเสร็จ เตรียมฝากขังศาลอาญา คัดค้านประกันตัวเป็นคดีมีอัตราโทษสูง ทางปปง.ขยายผลอายัดเพิ่มอีก20ล้านบาท ด้าน‘เท่าพิภพ’ลงสมัคร สส.กทม.เขต33แทน‘บุญฤทธิ์’แล้ว แกนนำปชน.ย้ำไม่ปกป้องใครลั่นชู‘มีส้มไม่มีเทา’‘ช่อ’ไม่กระทบเลือกตั้ง ยันพบจัดการทันที โวเกินกว่ากฎหมาย นายกฯลั่นเชื่อมโยงใครจัดเต็ม ชี้‘ปิดชื่อ ถือพฤติกรรม’
ความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินยาเสพติดเครือข่ายบริษัท TKP หลังจากเมื่อวานนี้(29ธ.ค.)ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บก.ปส.)ได้เปิดปฏิบัติการร่วม ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่าย“Black Mirror TKP”จำนวน 22 เป้าหมาย ในพื้นที่กรุงเทพ นนทบุรี ลพบุรี และตรังซึ่งจับกุมผู้ต้องหาได้4ราย หนึ่งในนั้นคือนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต กรุงเทพมหานคร เขต 33 (เขตบางพลัดและเขตบางกอกน้อย ยกเว้นแขวงศิริราช) พรรคประชาชน พัวพันคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท
โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 รายยังคงให้การภาคเสธ ซึ่งแต่ละคนให้การยอมรับเฉพาะตัวว่าเป็นเพียงแค่กรรมการบริษัท หรือเจ้าของบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะนายบุญฤทธิ์ ที่ให้การยอมรับแค่เป็นกรรมการของ 1 ใน 4 บริษัทของเครือข่าย TKP ซึ่งทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติดแต่อย่างใด
ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างแน่นหนาและสามารถมัดตัวได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 4ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติดจริงจึงนำมาสู่การแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกัน 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
ฝากขังศาลอาญาพรุ่งนี้-ค้านประกันตัว
หลังจากนี้จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม หากพบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงความผิดอื่น ๆเช่นนอมินี ก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
โดยในวันนี้ทางตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้เปิดเผยว่าจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่งฝากขังต่อศาลอาญาก่อนช่วงเที่ยงวันพรุ่งนี้(31 ธ.ค.) เนื่องจากวันนี้ยังคงดำเนินการสอบปากคำยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งพนักงานสอบสวน จะคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง
ปปง.ขยายผลอายัดเพิ่มอีก20ล้านบาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 สำนักงาน ปปง. เข้าร่วมปฏิบัติการสนธิกำลัง ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่าย“Black Mirror TKP” ในความผิดเกี่ยวกับการร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงิน และความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกับบช.ปส.2และ สำนักงาน ป.ป.ส. จำนวน 22 เป้าหมาย ในพื้นที่กรุงเทพ นนทบุรี ลพบุรี และตรังซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 สามารถจับกุมผู้ต้องหา ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินฯและตรวจยึดทรัพย์สินไว้ได้หลายรายการเช่นรถยนต์ รถจักรยาน ยนต์ เครื่องเพชร อาวุธปืน เงินสด มูลค่ารวมกว่า200ล้านบาท
ขณะที่สำนักงาน ปปง.ได้บูรณาการข้อมูลและพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวกับบช.ปส.2และขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่าย Black Mirror TKPแล้วพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมของกลุ่มบุคคลตามหมายจับเป็นหลักทรัพย์และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 26 รายการ เลขาธิการ ปปง.จึงมีคำสั่งให้อายัดหลักทรัพย์และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าวรวมมูลค่า 20 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินต่อไป
อนึ่ง คำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราวดังกล่าวมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (นับตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2569) หากผู้ถูกอายัดทรัพย์สินหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าว ประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งนั้น ให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดภายใน 30วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือ
‘เท่าพิภพ’ลงสส.กทม.เขต33แทน‘บุญฤทธิ์’
ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาชน เข้ายื่นใบสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.กรุงเทพเขต 33 แทน ผู้สมัครคนก่อนที่ถูกแจ้งข้อหาในคดีฟอกเงิน โดยมีนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมสังเกตการณ์การสมัครครั้งนี้
โดยนายเท่าพิภพระบุว่าความกังวลได้หมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่การประชุมไพรแมรี่โดยสมาชิกพรรคและเพื่อนผู้สมัครทุกคนต่างเห็นเป็นเอกฉันท์ให้ตนได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ ตนมั่นใจและได้พลังจากทุกคนภารกิจนี้ไม่ใช่แค่สำหรับเขตบางกอกน้อยและบางพลัด แต่มันคือภารกิจของพรรคประชาชนทั้งประเทศที่จะทวงคืนความไว้วางใจ ตนก็พร้อมรับและพร้อมกลับมาทำหน้าที่ตรงนี้อีกครั้ง ตนจึงแทบจะไม่ลังเลและใช้เวลาเพียง 8 วินาทีเท่านั้นในการตัดสินใจ เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกให้ชาวบางกอกน้อยและบางพลัด เพื่อจะเข้าสภาไปลงมติให้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย หลังรับสมัครเสร็จสิ้นก็ลงพื้นที่หาเสียงทันที
ปชน.ไม่ปกป้องใคร‘มีส้มไม่มีเทา’
นายพิจารณ์ย้ำว่า สิ่งที่กรณีนี้สะท้อนให้เห็นคือเมื่อพรรคประชาชนพบ ว่ามีผู้สมัครที่มีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตแม้จะยังไม่ได้เป็นคำวินิจฉัยสูงสุดและยังคงเป็นผู้ถูกกล่าวหาแต่พรรคก็เปลี่ยนตัวผู้สมัครในทันที เพราะพรรคประชาชน ไม่จำเป็นที่จะต้องปกป้องใครและต้องการที่จะหาตัวผู้สมัครที่ดีที่สุดให้กับประชาชน ดังนั้นตนยืนยันอีกครั้งว่าคำว่า “มีส้มไม่มีเทา”ไม่ได้เป็นแค่สโลแกนหาเสียง แต่ออกมาจากวิธีคิดและวิธีการทำงานของของพรรคประชาชนจริงๆ
กรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบในเชิงการรณรงค์หรือไม่นั้นตนไม่สามารถตอบแทนประชาชนได้ แต่สิ่งที่พรรคประชาชนกระทำทันทีภายในเวลา 3 ชั่วโมงหลังรับทราบกรณีนี้ คือการเร่งหารือและตัดสินใจในการเปลี่ยนตัวผู้สมัครทันที ตนอยากให้ประชาชนมองเห็นถึงการกระทำและความจริงใจของพรรคประชาชน
‘ช่อ’รับกระทบ-โวพบจัดการทันที
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ระบุว่าสำหรับพรรคการเมือง สิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือความเชื่อใจที่ประชาชนมีให้ เหตุการณ์นี้หากจะบอกว่าไม่กระทบเลย ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พรรคประชาชน ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากขอโทษประชาชนที่ทำให้ผิดหวัง เรื่องนี้พรรคก็เจ็บปวดมาก วันนี้พรรคประชาชนทำให้เห็นแล้วว่า “มีส้มไม่มีเทา” คือระบบที่เมื่อตรวจเจอแล้วจัดการทันที ส่วนต่อขยายของ “มีส้มไม่มีเทา” คือ “เมื่อมีเทาเราจัดการทันที” นี่คือข้อพิสูจน์ว่าไม่ใช่แค่การหาเสียงแต่พิสูจน์ด้วยการกระทำ ว่าพรรคประชาชนหรือต่อไปหากเป็นรัฐบาลประชาชน เงื่อนไขคือใครจะมาร่วมคณะรัฐมนตรี แม้มีข้อครหาเพียงเล็กน้อย น่าสงสัยว่าเกิดการทุจริตขึ้น หรือไปผูกพันกับเรื่องสีเทาก็ต้องเอาออกก่อน ในกรณีของผู้สมัครรายเดิมนี้ก็เช่นกัน
พรรคประชาชนทำเกินกว่ากฎหมาย แม้จะยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่พรรคก็ตัดสินใจเอาออกก่อน เพราะมาตรฐานของพรรคการเมือง ต้องอยู่สูงกว่ากฎหมาย หากเป็นรัฐมนตรีก็เช่นเดียวกัน คือต้องออกไปพิสูจน์ตัวเอง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ผิด ก็ค่อยกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง
ผอ.กกต.กทม.แจงเปลี่ยนตัวผู้สมัครส.ส.
ว่าที่ร้อยตรี สัมพันธ์ แสงคำเลิศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพ มหานคร (ผอ.กกต.กทม.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ว่า แม้พรรคการเมืองจะได้ดำเนินการทำไพรมารีโหวตและคัดเลือกผู้สมัครมาแล้ว แต่การถอนและเปลี่ยนแปลงผู้สมัครในช่วงเวลาที่กฎหมายเปิดโอกาสให้กระทำได้ ยังถือว่าเป็นไปตามระเบียบ ทั้งนี้ ผู้สมัครรายใหม่ จะยังคงได้รับหมายเลขผู้สมัครเดิม โดยมีเพียงขั้นตอนเพิ่มเติม คือ การชำระค่าสมัครรับเลือกตั้งใหม่ในอัตรา 10,000 บาท
นายกฯลั่นเชื่อมโยงใครจัดเต็ม
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้สมัครสส.กทม.พรรคประชาชนพัวพันคดีฟอกเงินและเครือข่ายยาเสพติดจะเชื่อมโยงกับนักการเมืองคนอื่นหรือไม่ว่า อย่าไปกังวลว่า จะเชื่อมโยงถึงใครเพราะไม่ว่าจะเชื่อมโยงถึงนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ นักเลงหรือที่ไหนก็แล้วแต่ ตอนนี้ตนกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเลขาสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและเลขาเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ใช้หลักที่ตนได้มอบไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานด้วยความสบายใจ
“คือ ปิดชื่อ ถือพฤติกรรม ไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นใคร เราดูตามสำนวนดูตามพฤติกรรม ทั้งเส้นเงินและหลักฐานต่างๆที่กระทำความผิด ถ้าปิดปุ๊บ เปิดมาโดนใคร ก็จัดเต็ม”นายกฯ ย้ำ
ย้ำ‘ภท.’แฟร์ๆไม่ชกใต้เข็มขัด
เมื่อถามว่าตอนนี้ในทางการเมืองทุกพรรคถือว่ามีความเชื่อมโยงลักษณะนี้กันหมดคงจะไปขิงกันไม่ได้แล้วใช่หรือไม่นายกฯกล่าวว่า“ผมคนสมัยใหม่”ก่อนย้อนถามสื่อมวลชนว่า“ขิงแปลว่าอะไร”สื่อมวลชนตอบว่า“โอ้อวด”ก่อนที่นายกฯกล่าวว่า ตนว่าทางที่ดีที่สุดทุกพรรคการเมือง ต้องทำเหมือนพรรคภูมิใจไทย ทำงานของตัวเอง ไม่ต้องไปขิงใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องไม่ไปด้อยค่า หรือใช้วาทกรรม ในการทำให้อีกฝ่ายเกิดความเสียหาย ขอเอาเหตุ เอาผลเข้าว่ากันดีกว่า การเลือกตั้งก็จะแข่งขันอย่างเข้มแข็งและแฟร์ๆไม่มีชกใต้เข็มขัด
เมื่อถามต่อว่าโซเชียลมีเดียมีการวิพากษ์วิจารณ์ สโลแกนของพรรคประชาชน(ปชน.) ที่ว่า “มีเรา ไม่มีเทา ตอนนี้กลายเป็นดำไปแล้ว”นายกฯกล่าวว่า“ จะมาขิงกับผมหรอไม่เอาๆ แล้วแต่โซเชียลจะตัดสินใจ”
‘พี่ศรี’ร้องกกต.สอบปชน.ปมเอี่ยวฟอกเงิน
วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินได้ยื่นคำร้องแจ้งเบาะแสแก่คณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนพรรคประชาชน กรณีที่ปรากฎเป็นการทั่วไปต่อการที่นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัครสส.กทม.เขต 33 (บางกอกน้อย–บางกอกน้อย)ในนามพรรคประชาชนถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติดเข้าจับกุมในปฏิบัติการBlack MirrorTKPโดยถูกกล่าวหาว่าพัวพันคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคง-เศรษฐกิจของชาติหรือราชการแผ่นดิน หรือ เป็นการส่งเสริมสนับสนุนการคุกคามต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเป็นข้อห้ามตามพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ ซึ่งการที่พรรคอ้างว่าได้ “ขับออก” และ “เปลี่ยนตัวผู้สมัคร” หลังจากตำรวจบุกจับแล้วนั้น นี่ไม่ใช่จริยธรรม แต่คือการ ตัดตอนเพื่อเอาตัวรอดใช่หรือไม่ และการขับออก เพราะกลัวความเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคใช่หรือไม่
โดยเฉพาะเส้นทางเงินของนายบุญฤทธิ์ว่ามีการบริจาคให้พรรคประชาชนด้วยหรือไม่ เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 44 และหรือมาตรา 45 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ หากตรวจพบเป็นไปตามเบาะแสนี้แล้ว อาจนำไปสู่การเสนอเรื่องเพื่อยุบพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนมาตราดังกล่าวได้ ตามมาตรา 92(3) ของกฎหมายดังกล่าวต่อไป