แหวกฟ้าหาฝัน : Sforza Castle แห่งมิลาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/197745

วันอาทิตย์ ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยือนมิลาน สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหนึ่งโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และมิวเซียมจะต้องเข้าเยี่ยมชมให้ได้ก็คือ Sforza Castle ประสาทโบราณขนาดใหญ่ที่เห็นได้แต่ไกลเกือบทั่วเมืองแห่งนี้มีประวัติยาวนานย้อนไปถึงปี 1360 เมื่อ Galeazzo Visconti IIเริ่มสร้างป้อมปราการและกำแพงขึ้น ป้อมแห่งนี้ถูกต่อเติมเรื่อยมาหลายครั้งโดยทายาทของตระกูล Viscontis จนถึงสมัยของ Filippo Maria ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลที่หันมาใช้ป้อมแห่งนี้เป็นสำนักงานใหญ่ในการทำงานของตระกูล

ประตูหน้า

ด้านหลังประตูหน้า

เมื่อทายาทคนสุดท้ายของตระกูลไม่มีบุตรชาย Bianca Maria Visconti ทายาทสาวคนสุดท้ายของตระกูล Viscontis ก็สมรสกับ FrancescoSforza ผู้นำทหารที่ Filippo Maria ไว้ใจส่งผลให้ Sforza ขึ้นสู่การเป็นผู้นำมิลานไปโดยปริยาย เขาจึงตกแต่งปราสาทแห่งนี้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความสวยงามให้กับเมืองและปกป้องศัตรูจากภายนอก แม้ Francesco Sforza จะเปลี่ยนตัวสถาปนิกผู้ออกแบบหลายคนและใช้ความพยายามในการปรับปรุงปราสาทอยู่หลายปี แต่ผู้ที่ปรับปรุงและขยายปราสาทจนสำเร็จและย้ายเข้ามาอยู่ประจำกลับเป็น Galeazzo Maria ผู้ปกครองมิลานคนต่อมา

ทางเดินไป Sforza

เมื่อ Galeazzo Maria ถูกลอบสังหาร Bona di Savoia ภรรยาม่ายของ Galeazzo Maria สถาปนาตัวเองขึ้นมาปกครองมิลานในเดือนธันวาคมปี 1476 และย้ายตัวเองเข้าไปพำนักยังหอคอยกลางซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อหอคอยจนปัจจุบัน ต่อมาพระนางก็ถูก Ludovico Maria หรือ Il Moro น้องชายขับไล่ออกจากเมืองและสถาปนาตัวเองขึ้นมาปกครองมิลานแทน การที่ Il Moro เป็นผู้ที่หลงใหลในศิลปะมาก เขาจึงจ้างศิลปินดังๆ ในสมัยนั้น ทั้ง Donato Bramante และ Leonardo da Vinci มาปรับปรุงและตกแต่งปราสาทจนได้ห้อง Leonardo’s Sala delle Asse และห้องทรัพย์สมบัติ เมื่อ Beatrice d’Este ภรรยาของเขาสิ้นพระชนม์จากการประสูติพระโอรสและฝรั่งเศสบุกมิลานเขาจึงจำเป็นต้องหลบหนีไปอยู่กับพระเจ้า Maximilian Iแห่งราชวงศ์ Habsburg และหยุดการปรับปรุงปราสาทไปชั่วคราว

ทางเดินภายใน

ในช่วงที่ฝรั่งเศสปกครองมิลาน ส่วน Filarete Tower ได้ถูกระเบิดทำลายจนเสียหาย แม้ภายหลัง Francesco II Sforza บุตรชายคนที่สองของ FrancescoSforza จะกลับมาปกครองมิลานและปรับปรุงปราสาท แต่ปราสาทก็ยังไม่มีป้อมที่ดูแลประตูด้านข้างอีกเลย ซ้ำร้าย เมื่อ Don Ferrante Gonzaga ทหารของจักรพรรดิสเปนได้เข้าครอบครองป้อมแทนในปี 1549 เขาได้เปลี่ยนหลายส่วนของปราสาทให้กลายเป็นร้านค้า โรงพยาบาล ร้านขายขนมปังที่จำหน่ายสุราเพื่อตอบสนองความต้องการของทหารสเปนจากเงินภาษีของชาวมิลาน

หลังจากปราสาทผ่านสงครามมาหลายสิบปี ในปี 1893  ชาวเมืองมิลานและผู้ปกครองก็ตัดสินใจซ่อมแซมปราสาทอย่างจริงจัง โดยทำการยกหอคอยที่เคยถูกทำลายขึ้นใหม่ให้สูงเท่ากับที่เคยสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และตกแต่งส่วนของห้องเก็บทรัพย์สมบัติและ Sala delle Asse ด้วย รวมทั้งสร้างหอคอยส่วน Filarete เพื่ออุทิศให้กับพระเจ้า Umberto I ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของปราสาทไปในตัวอีกต่างหาก

ส่วน Filarete Tower ที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดและโดดเด่นที่สุดนั้นได้เคยถูกออกแบบโดย Antonio Averulino หรือ il Filarete เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิลาน แต่สถาปนิกผู้เข้าดูแลการก่อสร้างไม่เคยสามารถทำได้สวยงามตามแบบ และยังเปลี่ยนหอคอยนี้ให้เป็นป้อมปืนที่ภายหลังถูกถล่มจนราบคาบด้วย ป้อมที่เห็นในปัจจุบันเป็นผลมาจากการศึกษาของ Luca Beltrami ถึงการออกแบบดั้งเดิม และสร้างใหม่ให้เหมือนกับแบบที่ออกในสมัยเรอเนสซองส์โดยเสริมนาฬิกา รูปแกะสลักของ Umberto I และ Saint Ambrose เข้าไปด้วย สำหรับเชิงเทินและทางเดินตลอดปราสาทนั้นถูกทำลายไปเป็นส่วนใหญ่แล้วตั้งแต่สมัยที่ชาวต่างชาติครอบครองปราสาทระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16-19 เชิงเทินที่เห็นในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงใหม่โดยสถาปนิก Luca Beltrami ในปี 1893 ตามแบบที่เคยออกไว้สมัยลอมบาดี

บรรยากาศภายใน

The Sala delle Asse (ห้อง 8 ของ Museum of Ancient Art) ห้องที่อยู่ชั้น 1 ของ Falconiera Tower เป็นห้องที่มีชื่อเสียงที่สุดห้องหนึ่งของปราสาทแห่งนี้เพราะถูกตกแต่งโดย Leonardo da Vinci ส่วนของหลังคาตกแต่งเพื่อเฉลิมฉลอง 3 เหตุการณ์ในสมัยของ Il Moro นั่นคือ การเป็นพันธมิตรกับพระเจ้า Maximilian จากการแต่งงานระหว่างหลานสาวของเขากับกษัตริย์ การรับรองตำแหน่งท่านดุ๊กในปี 1495 และการรับรองพระเจ้าชาร์ลที่ 8 แห่งฝรั่งเศส ส่วน The Treasure Room หรือห้องเก็บสมบัติซึ่งปัจจุบันเป็น Trivulziana Library ที่ได้รับการตกแต่งด้วยปูนเปียกเป็นรูป Argus ยักษ์100 ตาเพื่อปกป้องสมบัติเหมือนสมัย Lucovico il Moro นี้เป็นห้องที่มีความแข็งแรงที่สุดในปราสาทจึงรอดจากสงครามมาได้โดยตลอด

นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสไปเที่ยว Sforza Castle นี้สามารถที่จะตื่นตาตื่นใจกับตัวปราสาท และห้องหับมากมายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่หากต้องการเข้ามิวเซียมอีกหลากหลายก็อาจต้องมีค่าใช้จ่ายขึ้นกับเวลาที่มีและความชื่นชอบพิเศษของแต่ละคน  แต่หากนักท่องเที่ยวไม่ชอบมิวเซียม การเดินชมป้อมปราสาทเพียงอย่างเดียวก็ถือว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนปราสาทแห่งมิลานนี้แล้ว

Leave a comment