ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/207165
ในบรรดาแมลงศัตรูอ้อยที่สำคัญ นอกจาก “หนอนกออ้อย” แล้ว ยังมีชื่อของ “ด้วงหนวดยาว” รวมอยู่ด้วย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรราชบุรีกรมวิชาการเกษตร ได้รับแจ้งจากเกษตรกรและเจ้าหน้าที่โรงงานน้ำตาลบริษัทอุตสาหกรรมมิตรเกษตรจำกัดพบการระบาดของด้วงหนวดยาวเข้าทำลายอ้อยทำให้อ้อยเสียหายอย่างรุนแรงในพื้นที่ อ.โพธาราม อ.จอมบึง จ.ราชบุรี และ อ.ท่าม่วง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี รวมทั้งบริเวณใกล้เคียงด้วย
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า จังหวัดราชบุรี มีการระบาดของด้วงหนวดยาวมากกว่า 1 หมื่นไร่ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี มีการระบาดทำลายรุนแรงและกว้างขวางกว่าจังหวัดราชบุรี อ้อยที่ถูกด้วงหนวดยาวเข้าทำลายผลผลิตลดลงในอ้อยปลูกประมาณ 43% ส่วนในอ้อยตอประมาณกว่า 50% ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถไว้ตออ้อยได้ กระทบต่อปริมาณอ้อยที่ต้องใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลทราย
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรอย่างเร่งด่วน กรมวิชาการเกษตรจึงได้จัดอบรมให้ความรู้การป้องกันกำจัดด้วงหนวดยาวให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยใช้วิธีผสมผสาน ได้แก่ วิธีกล การใช้ศัตรูธรรมชาติ และการใช้สารเคมี ซึ่งวิธีการดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาด้วงหนวดยาวที่มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน โดยมีคำแนะนำดังนี้
ก่อนปลูกขณะเตรียมดิน ให้ทำการไถพรวนหลายๆ ครั้ง และเดินเก็บหนอนตามรอยไถเพื่อเป็นการกำจัดหนอนขณะทำการปลูก ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามคำแนะนำ คือ ฟิโพรนิล ชนิดน้ำ อัตรา 80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตรหรือ 320 มิลิลิตรต่อไร่ ฉีดพ่นบนท่อนพันธุ์พร้อมปลูก หรือฟิโพรนิลชนิดเม็ด อัตรา 6 กิโลกรัมต่อไร่ โรยบนท่อนพันธุ์พร้อมปลูก และใช้เชื้อราเขียวเมตาไรเซียม อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่โรยบนท่อนพันธุ์พร้อมปลูก
อย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันกำจัดด้วงหนวดยาวที่กรมวิชาการเกษตรต้องการให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติมากที่สุดคือการเฝ้าระวังและกำจัดตัวเต็มวัยโดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนด้วงหนวดยาวจะออกจากดักแด้เป็นตัวเต็มวัย ให้ทำการจับเก็บก่อนการวางไข่เพื่อตัดวงจรชีวิตหนอน เนื่องจากตัวเต็มวัย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ถึง 400 ฟอง โดยทำกับดักหลุมในแปลงตามคำแนะนำ หรือเดินเก็บตัวเต็มวัยในแปลงช่วงค่ำ ซึ่งหนอนและตัวเต็มวัยสามารถนำไปจำหน่ายเพื่อประกอบเป็นอาหารได้ โดยปัจจุบันมีราคาซื้อขายอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ300-400 บาท
ทั้งนี้ หากเกษตรกรมีดำเนินการตามวิธีการดังกล่าวตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตรอย่างต่อเนื่องจะสามารถป้องกันด้วงหนวดยาวไม่ให้กลับมาแพร่ระบาดสร้างปัญหาให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้อีกต่อไป
