แหวกฟ้าหาฝัน : Tranquillo Cremona ใน Modern Art Gallery มิลาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/212740

วันอาทิตย์ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Attraction (1874)

นอกจาก Gaetano Previati แล้วใน ModernArt Gallery ยังมีผลงานของศิลปินที่สำคัญอีกผู้หนึ่ง นั่นคือ Tranquillo Cremona ทั้งนี้คงเป็นเพราะเขาย้ายมาอยู่มิลานและเป็นศิลปินร่วมก่อตั้งศิลปะแนวใหม่เฉกเช่นเดียวกันกับ Gaetano Previati  เขาเป็นศิลปินที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อแนวทางศิลปะแบบ Scapigliatura หรือ Bohemian ซึ่งต่อต้านวิชาการและอนาธิปไตย แนวทางศิลปะนี้มีส่วนสำคัญยิ่งต่อวัฒนธรรมของอิตาลีและยังเป็นต้นกำเนิดของแนวทางศิลปะแบบ Decedentism และ Symbolism ในเวลาต่อมาด้วย  ไม่เพียงงานด้านทัศนศิลป์เท่านั้น แนวทางศิลปะที่พยายามปรับเอาอิทธิพลของต่างประเทศมาผสมผสานกับวัฒนธรรมอิตาลีนี้ยังมีส่วนในงานคีตกวี และสังคีตศิลป์ด้วย ยิ่งกว่านั้นศิลปินกลุ่ม Scapigliatura นี้ยังมีวิถีชีวิตที่แปลกไปจากศิลปินแนวเดิมๆ นั่นคือ พยายามที่จะใช้ชีวิตต่อต้านระเบียบทุกรูปแบบ และเน้นการมีวิถีชีวิตตามใจปรารถนา ไม่ยึดติดจนบางคนเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยจากโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือฆ่าตัวตายเพราะหลงรักวัยรุ่นหญิง เป็นต้น

Cremona เกิดที่ปาเวียโดยเป็นน้องของ Luigi นักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เขาเป็นผู้ที่มีความสามารถทางด้านศิลปะตั้งแต่เด็กจนได้เป็นสมาชิกของโรงเรียนสอนเขียนภาพที่ปาเวียอันเป็นสถานที่ที่ทำให้เขาได้พบกับ Giovanni Carnovali ศิลปินชื่อดังแห่งแคว้น Lombardy ในปี 1852 เขาย้ายไปอยู่เวนิสและได้เข้าเรียนใน Academy of Fine Arts ซึ่งเขาชนะการแข่งขันหลายครั้งจนได้รับเงินเดือนจากออสเตรียถึง3 ปี  ต่อมาในปี 1859 เขาย้ายไปอยู่กับพี่สาวเพื่อเลี่ยงการเป็นทหาร และได้จัดแสดงผลงาน The Falconerที่ Brera Academy ภาพซึ่งปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Modern Art Gallery มิลานนี้เป็นตัวอย่างอันดีที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ Hayez ต่อผลงานของ Cremona โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้แสงน้อย ๆ ฉาบไปที่ใบหน้าและการลงสีเหลือง แม้เขาจะเรียนศิลปะมาจากเวนิสก็ตาม แต่กลับไม่ได้เขียนภาพตามแนวทางศิลปะแบบ Venetian แต่อย่างใด  ส่วน A Visit to the Tomb of Juliet and Romeo (1862) ซึ่งถูกจ้างวาดโดย Giovanni Puricelli Guerra นักสะสมภาพนั้น แม้จะเป็นผลงานในช่วงเดียวกัน แต่เขากลับเขียนภาพตามแนวทางศิลปะแบบ Symbolism ที่ใช้ความมืดเป็นสัญลักษณ์ของความหมองเศร้ามากกว่าการเขียนภาพตามแนวทางของ Hayez


Maternal Love (1875)

หลังจากนั้นเขาก็ไม่มีผลงานชิ้นใดที่โดดเด่นอีกเลย จวบจนกระทั่งหลังปี 1870 เขาได้พัฒนาแนวทางการเขียนภาพใหม่ที่ผสมผสานระหว่าง Chiaroscuro และการใช้สีทึมๆ ดิบๆ เขียนลงบนผ้าใบโดยไม่เห็นรอยฝีแปรงที่เด่นชัดเลย ผู้ชมจะเห็นว่าตัวละครที่ดูมีชีวิตชีวาของเขาแทบทุกภาพเสมือนหนึ่งผุดออกมาจากมุมมืด เช่น Portrait of Luigi Luvoni (1872),  Portrait of Mary Marozzi (1873), Attraction (1874), Portrait of lady Deschamps (1875) และMaternal Love (1875) ผู้ชมจะสังเกตเห็นว่าฝีแปรงของเขามีลักษณะอ่อนนุ่มดูคลุมเครือเหมือนสายลมซึ่งถอยห่างจากแนวทางศิลปะก่อนหน้าทั้ง Venetian School และ Titian ที่เขาร่ำเรียนมาแล้วอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ดี แม้ในช่วงหลังชีวิตของเขาจะรุ่งเรืองขึ้น แต่เขากลับมีโอกาสเสพสุขได้ไม่นาน เขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเยาว์อันเป็นผลมาจากการได้รับพิษจากสีที่เขาชอบใช้มือผสมนั่นเอง


A Visit to the Tomb of Juliet and Romeo


The Falconer


Portrait of lady Deschamps


Portrait of Mary Marozzi (1873)


Portrait of Luigi Luvoni (1872)

Leave a comment