ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/214867
เรื่องสนุกๆ นี้มันเริ่มมาจากบุคคลผู้รักดนตรีและเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ อย่างนักแต่งเพลงมืออาชีพที่ชื่อ อุทัย บุนทรีรัตน์(เขาได้สร้างผลงานเพลงให้ศิลปินมามากมาย รวมถึงเป็นนักแต่งเพลงเจ้าของเพลงฮิต อาทิ ซื้อกุหลาบให้ตัวเอง, ไม่เหงาไม่มาใช่ไหม, เจ็บทุกเช้า, หาไม่เจอหรือเธอไม่มี, ใจกลางความเจ็บปวด, จีบได้แฟนไม่รัก ฯลฯ) จับมือกับ “โน้ต” เนติ ผ่องพุทธคุณ (นักแต่งเพลงระดับฝีมืออีกคน เจ้าของเพลง รักคนมีเจ้าของ, สักวันฉันจะดีพอ, หลอกได้หลอกไป, โจทย์รัก ฯลฯ) และ นรชัย ชาติภิรมย์ (ผู้เชี่ยวชาญทางด้านงานโปรดักชั่น ภาพ และงานดิจิตอลต่างๆ) มารวมตัวกันสร้างโปรเจกท์อุ่นๆ เพื่อศิลปินที่มีแนวทางของตนเองชัดเจน แต่ยังขาดโอกาสในการหาช่องทาง ปล่อยของ..
พวกเขาทั้งสามจะมีบทบาทอย่างไร…อยากให้ลองไปฟังพวกเขาพร้อมๆ กัน…
Pop Grand Sale จะวางแผนอย่างไรบ้าง
โน้ต : เราเป็นค่ายที่เน้นทำธุรกิจแบบใหม่ ว่าการทำดิจิตอลดาวน์โหลดต้องทำอย่างไร คนที่เข้ามาที่ค่ายก็จะมีทั้งแบบที่ทำเองได้หมดแล้ว แล้วเรามาช่วยด้านการโปรโมชั่น การทำดิจิตอลดาวน์โหลด โหลดและโปรโมทลงยูทูบให้ หรือศิลปินบางคนอาจจะมีศักยภาพ มีลุคที่ดี เล่นดี ร้องดี แล้วเรามาช่วยดูแลให้ คือมันเป็นค่ายที่เกิดขึ้นมาจากนักแต่งเพลงสองคนครับ ก็เลยอยากใช้จุดแข็งของเรามาช่วยดูแลให้ คือเราจะเน้นให้ดีที่ตัวเพลงก่อน เนื้อร้อง ทำนองก่อน ในขณะที่บางค่ายอาจจะเน้นไปที่ซาวนด์ เอ็นจิเนียบ้าง บางค่ายอาจจะเริ่มจากครีเอทีฟ ผู้กำกับมิวสิกวีดีโอมาเปิดค่าย ก็จะเน้นภาพสวยอะไรแบบนี้ แต่เราจะเน้นให้ตัวเพลงแข็งแรงก่อน นี่คือพื้นฐานของศิลปินเรา แล้วจะค่อยๆปล่อยทีละซิงเกิ้ลไป จะเน้นทางด้านดิจิตอลและช่วยกันโปรโมท เบอร์แรกที่ปล่อยไป คือเพลง “พลังงานบางอย่าง” ของ Write & Roll project เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และงานต่อไปก็คือเพลง
“เปลี่ยว” ของกิ๊ตา (กีต้าร์ เดอะวอยซ์) เมื่อเดือนเมษาฯ
อุทัย : โดยคอนเซ็ปต์หลัก ที่เราวางไว้ตอนต้นคือเราอยากจะเอาประสบการณ์ของการทำงานในค่ายใหญ่ มาจับลง
ในงานสเกลเล็กๆ ดู ว่ามันจะสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน โดยที่เรายังเชื่อในศักยภาพของเพลงอยู่ ทำยังไงก็ได้ให้เพลงของเราทำหน้าที่ในเรื่องของการขายด้วย แล้วก็เป็นเพลงที่ดีด้วย เหมือนกับสโลแกนของเราคือ We make pop music for mass market คือเราจะทำเพลงส่งไปถึงคนกว้างๆ ไม่อยากจะเป็นแก๊งอินดี้ที่ทำกันเอง ฟังกันเองในกลุ่มเล็กๆ ด้วยเราผ่านการทำงาน
ในค่ายใหญ่มา เรารู้วิธีการเคาะงาน ทั้งการทำภาพ โปรดิวซ์วงดนตรีที่มีชื่อเสียงมา เราก็พอจะรู้ว่าถ้าเราชัดเจนตั้งแต่ต้น เราก็สามารถหยิบจับมาใช้กับวงเล็กๆ ที่น่าสนใจ แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาต่อยอดจากตัวเพลง ทำให้เพลงมันวิ่งไปได้ด้วยตัวเอง นี่คือคอนเซ็ปต์ของเราครับ

ค้นหาศิลปินมาจากไหน
โน้ต : ส่วนใหญ่ก็เป็นน้องๆ ที่เคยมาเรียนในคลาส อย่างกลุ่มนี้ (มานั่งอยู่ในวงสัมภาษณ์ด้วยกัน) ก็คือวง “Osmosis” คือ
น้องเค้ามาเรียนกับเรา พอสืบโปรไฟล์กันแล้วก็พบว่าเค้าไม่ธรรมดานะ
อย่างคุณอ๊อดเนี่ยก็เป็นซาวนด์เอ็นจีเนีย ให้กับสไปร์ซซี่ดิสก์ ซึ่งตอนนี้
ดูแลวงอะไรอยู่บ้างครับ แนะนำเลย..
อ๊อด : ก็ดูแลวง Parkinson, Nap a Lean และก่อนหน้านี้เคยทำให้กับกรู๊ปไรเดอร์ พี่บุรินทร์ครับ
เอก : เป็น Front man ของ Osmosis ครับ ก็จะดูแลเรื่องการติดต่องานการแสดง งานโชว์ครับ
อุทัย : ของต้าร์นี่รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ต้าร์เค้าไปเป็นนักร้องไกด์ให้กับศิลปินกามิกาเซ่ ก็รู้สึกว่า เออ คนนี้เค้าเสียงดีนะ ก็เลยชวนมาทำโปรเจกท์กัน ก็มีส่งเพลงให้ต้าร์ไปร้อง ปรากฏว่าทิ้งช่วงไว้นานมาก ต้าร์ก็บอกว่าชอบเพลงมากเลยค่ะพี่ แต่ก็หายไปนาน จนกระทั่งหลังปีใหม่เราก็โทร.ไปชวนเค้ามาร้องเพลง เค้าบอกว่า “พี่อุทัย ต้าร์มีเพลงของต้าร์เองแล้ว” เราลองฟังเพลงต้าร์แล้วก็รู้สึกว่ามันลงตัวมาก มีเนื้อหาที่ตรงใจและเข้าถึงคนกลุ่มกว้างได้แน่นอน แถมยังได้มือดีระดับสไปด้ามังกี้ ดีเจโปรโตซัว ดนตรีมันก็เป็นแบบที่เราอยากได้เลย เราก็เลยชวนมาทำด้วยกันเลยดีกว่า โดยที่เราก็ดูแลเรื่องระบบ เรื่องงานภาพให้ในเชิงที่ปรึกษาเสียมากกว่า ว่าทิศทางของต้าร์น่าจะเป็นแบบไหนและทำอย่างไรได้บ้าง เราจะทำกันแบบกึ่งกองโจรครับ คือใช้วิธีคิดแบบค่ายใหญ่แล้วปรับมาทำในแบบสเกลเล็กๆ ฉะนั้น ถ้าศิลปินเดินเข้ามา เราก็อยากให้รู้สึกเหมือนเราเป็นสนามหนึ่งที่อยากชวนให้มาลองปล่อยของกัน ถ้าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เราก็ร่วมงานกันได้
ฟีดแบ๊กจากการปล่อยผลงานชิ้นแรก
โน้ต : ตอนนี้ก็เริ่มเอาไปเล่นโชว์ในที่ต่างๆ และมีอยู่บนระบบสตรีมมิ่งต่างๆ เช่น iTune,JOOX,KKBox ก็มีการเริ่มโหลด ฟัง
แชร์มิวสิกวีดีโอกันเยอะขึ้นครับ ซึ่งถ้าอีกหน่อยมีศิลปินหลายๆเบอร์มากขึ้นก็อาจจะมีการเดินสายไปโชว์เป็นแพ็กครับ
เบอร์สองของ Pop Grand Sale
กิ๊ตา : คือใช้ชื่อกิ๊ตาเพราะยากให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น เพราะกีต้าร์ เดอะวอยซ์ และในแวดวงเยอะแล้ว อีกอย่างมันเป็นชื่อเล่นที่หลายๆ คนเรียกเรา เพราะตอนนั้นมันมี“กีต้าร์” ใน CU Band หลายคน เค้าเลยเรียกเราว่า “กิ๊ตา” … ในส่วนของเพลง “เปลี่ยว” เราทำในส่วนของโปรดักชั่นเองทุกอย่าง คือไม่ได้แต่งเองนะคะ แต่เราโปรดิวซ์ และมีคุณ“แม็ค” โกสินทร์ ป้อมเอี่ยม เป็นคนแต่งเนื้อเพลงและทำนองให้ และจะมี เจนพัฒน์ มนตรีเลิศรัศมี จาก Mad Puppet Studio เป็นคนเรียบเรียงให้ และมี ดีเจสไปด้ามังกี้-ดีเจโปรโตซัว กับทาง Beat Lounge Records มาช่วยมิกซ์เพลง แล้วพอทำเพลงใกล้ๆ จะเสร็จก็มาคุยกับพี่อุทัย พี่เค้าจะช่วยดูเรื่องของการตลาดให้ ทางเราก็ยินดีมาก เพราะเราทำคนเดียวก็คงไม่ไหวอยู่แล้ว
ตัวเพลงเป็นสไตล์ Neo Soul ชิลล์ๆ ซึ่งแนวนี้ยังไม่ค่อยมีใครได้ยินในประเทศไทย ลักษณะของเพลงก็จะพูดถึงความเปลี่ยว ความเหงาของคนโสด ที่แม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้ อยู่กับเพื่อนได้ แต่ลึกๆ แล้วทุกคนก็ย่อมจะอยากมีใครสักคน เพียงแต่มันอาจจะยังไม่เจอ ที่ไม่ใช้คำว่า “เหงา” เพราะมันจะดูเศร้าๆ สลดหดหู่ แต่คำว่า “เปลี่ยว” มันจะดูสตรองขึ้นมานิดนึง คนเรามันเปลี่ยวแต่ก็อยู่ได้ มันดูสร้างสรรค์กว่า และยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตได้อีกมากมาย ซึ่งมันน่าจะตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนสมัยนี้ อีกอย่างคนที่แต่งเพลงนี้เค้าแต่งมาจากบุคลิกของเรา คือเค้าเป็นเพื่อนเรา แล้วเราบอกเค้าว่าเราอยากได้เพลงที่เข้ากับตัวเรา หายไปสองวันเพลงกลับมาทันที (หัวเราะ)

แนะนำศิลปินเบอร์สามของ Pop Grand Sale
อ๊อด : แนวเพลงเราเป็นฟังก์ร็อกครับ ซึ่งพวกกรู๊ฟก็จะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ครับ มีพวกกีต้าร์ไฟฟ้าเป็นตัวชูโรง
เอก : เราจะดึงกลองยุค 80 ที่เป็นแนวดิสโก้มาผสมกับกีตาร์แบบฟังก์ และจะมีซาวนด์ประหลาดๆ ออกเป็นแนวทดลองมากกว่าครับ (Experimental rock) ซึ่งคิดว่าน่าจะปล่อยเพลงให้ได้ฟังในช่วงกลางๆ ปีครับ
อ๊อด : ชื่อเพลงว่า “กฎธรรมชาติ” ครับ
เอก : พูดถึงเรื่องความรักของคนสองคน ว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่คนสองคนอยู่ด้วยกัน ความรักมันจะเกิดขึ้นมาเอง
มันจะเกิดเคมีที่ตรงกัน เพราะมันเป็นกฎของธรรมชาติที่สร้างมนุษย์ให้มาอยู่คู่กันครับ

ความหมายของชื่อวง “Osmosis”
อ๊อด : เป็นการผสมผสานของดนตรี หลายๆ แนวเข้าด้วยกันให้มันผสมกลมกลืนกัน
เอก : ถ้าพูดถึงคนก็เป็นคนสองคนที่เป็นคนละแนวแล้วมาแชร์กัน อย่างคุณอ๊อดเค้าชอบแนวดิสโก้ ฟังก์ ผมชอบแนวร็อก
พอรวมกันก็เลยซึมซับกลาย เป็นแนวใหม่
อ๊อด : ส่วนผลงานอื่นๆ นอกจากเพลงนี้พวกผมก็แต่งเพลงประกอบละคร “กฎแห่งกรรมคืนพระจันทร์ดับ” ฉายที่ช่องเคเบิลครับ
นับเป็นอีกหนึ่งโปรเจกท์ดีๆ ที่พวกเขาตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ฟัง และเพื่อเปิดโอกาสให้กับคนธรรมดาที่มีฝีมือไม่ธรรมดาได้มีช่องทางในการแบ่งปันผลงานดีๆ ให้คนรักเสียงเพลงได้มีโอกาสได้สัมผัส หากใครที่ต้องการติดต่อกับพวกเขา ทั้งที่อยากส่งความคิดเห็น และที่อยากแชร์งานดีๆ ก็ลองติดต่อไปที่ fanpage : Popgrandsale ได้เลย!