ตะลอนเที่ยว : สุรินทร์ บุรีรัมย์ เมืองแห่งปราสาทหินในเขตอีสานใต้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/223619

วันอาทิตย์ ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ปราสาทหินพนมรุ้ง

ความตั้งใจเดิมของ Mr.Flower กับการเดินทางไปเที่ยวจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ในครั้งนี้คือการไปชมความงามของปราสาทหินให้ครบทุกแห่งในจังหวัดทั้งสอง แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนความตั้งใจในภายหลัง เพราะแค่เพียงระยะเวลา 3 วัน ของการเดินทางคงไม่สามารถติดตามไปชมความงามของปราสาทหินที่มีหลายสิบแห่งได้ แต่ก็ตั้งใจว่าในวันข้างหน้าจะกลับไปตระเวนชมความวิจิตรของปราสาทหินให้ครบทุกแห่งในบุรีรัมย์และสุรินทร์

ทริปนี้เราเริ่มต้นกันที่บุรีรัมย์ โดยมุ่งตรงไปที่ปราสาทพนมรุ้ง ศาสนาสถานซึ่งได้รับการขนานนามว่าทิพยวิมานบนเขาไกรลาส ปราสาทนี้สร้างขึ้นบนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว โดยสร้างในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 15-17 สันนิษฐานว่าผู้ทรงสร้างคือพระเจ้านเรนทราทิตย์ แห่งราชวงศ์มหิทธรปุระ เพื่อเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ครั้นต่อมาศตวรรษที่ 18 สำหรับ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมทรงนับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นพุทธศาสนสถานในช่วงเวลานั้น ปราสาทหินนี้สร้างด้วยหินทรายสีชมพู

วัดเขาอังคาร

หลายต่อหลายคนจะพากันไปชมปรากฏการณ์ชมแสงพระอาทิตย์ส่องผ่านประตู 15 ช่องของพนมรุ้ง ซึ่งใน 1 ปีจะสามารถชมได้ 4 ช่วงคือ วันที่ 6-8 มีนาคม และวันที่ 6-8 ตุลาคม (ชมพระอาทิตย์ตกผ่าน 15 ช่องประตู) ส่วนวันที่ 3-5 เมษายน วันที่ 8-10 กันยายน (ชมพระอาทิตย์ขึ้นผ่าน 15 ช่องประตู) จุดที่ดูคือด้านหน้าและด้านหลังของปราสาทหิน แต่ที่อยากจะขอบอกว่าต้องไม่พลาดชมก็คือหน้าบัน และทับหลังต่างๆ ในปราสาทหินพนมรุ้ง ซึ่งมีความงามแตกต่างกันไป บางคนเข้าใจว่าที่พนมรุ้งมีเพียงทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์เท่านั้น แต่ขอเรียนว่ามีทับหลังอีกมากมาย โดยเฉพาะหน้าบันรูปศิวนาฏราช และหน้าบันรูปพระกฤษณะทรงปราบนาคกาลียะ แล้วจะยิ่งมีอรรถรสในการชมมากยิ่งขึ้นหากมีความรู้เรื่องเทพเจ้าต่างๆ ตามความเชื่อของฮินดูเป็นอย่างดี

ต่อด้วยปราสาทเมืองต่ำ ที่อยู่ห่างจากปราสาทพนมรุ้ง ประมาณ 8 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ สันนิษฐานว่าปราสาทแห่งนี้สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16-18 เป็นศิลปะขอมแบบปาปวน สร้างเป็นเทวสถานของลัทธิไศวนิกาย ปราสาทเมืองต่ำมีขนาดไม่ใหญ่โตเท่าปราสาทพนมรุ้ง มีกำแพงสูงประมาณ 3 เมตร ล้อมรอบทุกด้าน และภายนอกปราสาทมีสระน้ำ (บาราย) ล้อมทั้งสี่ด้านด้วย เปรียบเหมือนเกษียรสมุทรที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ ส่วนใจกลางเขตปราสาทมีประสาท 5 องค์ แต่มีองค์กลางสูงที่สุดเปรียบเสมือนเขาไกรลาสที่ประทับพระศิวะเจ้า ส่วนทับหลังที่สำคัญของปราสาทเมืองต่ำคือทับหลังที่สลักเป็นพระอินทร์ประทับนั่งบนช้างเอราวัณ

ปราสาทเมืองตํ่า

จากนั้นก็ต่อไปชมปราสาทหินในเขตจังหวัดสุรินทร์ เริ่มที่ปราสาทศีขรภูมิ เป็นปราสาทขนาดเล็ก ศิลปะขอมแบบบาปวนผสมนครวัด สร้างขึ้นในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 17 เป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ปราสาทแห่งนี้ประกอบด้วยปรางค์ก่อด้วยอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันยกพื้นสูง มีบาราย (สระน้ำ) ล้อมรอบ 3 ด้าน มีองค์กลางคือปรางค์ประธาน ก่อด้วยหินทราย ผสมศิลาแลงและอิฐ ปราสาทศีขรภูมินี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่รวมงานศิลป์ชิ้นสำคัญของปราสาทหินที่เป็นศิลปะขอม โดยเฉพาะรูปทวารบาลยืนถือกระบองประกบอยู่ด้านข้างนางอัปสรา และที่นี่ยังได้รับการยอมรับว่ามีรูปสลักนางอัปสราที่งดงามและสมบูรณ์แบบที่สุดในบรรดางานศิลปะการแกะสลักหินในปราสาทหินที่ปรากฏอยู่ในเขตเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปสลักนางอัปสราทรงเครื่องในกรอบประตูด้านหน้าของปรางค์ประธาน ส่วนทับหลังก็สลักเรื่องราวของพระศิวะ 3 ตอน คือศิวนาฏราชบนแท่นหงส์ 3 ตัวที่อยู่เหนือเศียรเกียรติมุข มีรูปพระคเณศ พระพรหม พระวิษณุ และนางปารพตี (พระอุมา) อยู่ด้านล่าง โดยได้ชื่อว่าสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองไทย

วนอุทยานเขากระโดง

ต่อด้วยปราสาทหินบ้านพลวง ในเขตอำเภอปราสาท เป็นปราสาทขนาดเล็กแต่ฝีมือการสลักหินวิจิตรบรรจงมาก องค์พระปรางค์ก่อด้วยศิลาแลงหินทราย และอิฐ เป็นสี่เหลี่ยมย่อมุมจำหลักลายวิจิตรมาก แต่องค์ปรางค์พังทลายลงเหลือเพียงครึ่งเดียว โดยส่วนยอดพังหายไปแล้ว

อันที่จริงแล้วในเขตจังหวัดสุรินทร์ยังมีปราสาทหินอีกมากมาย อาทิ ปราสาทตาเมือนธม  ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาเมือน ซึ่งเรียกรวมกันว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนแนวเขาพนมดงรัก ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนไทย-กัมพูชามาก หากจากชายแดนเพียง 10 กิโลเมตร เท่านั้น

เมืองสุรินทร์ยังได้รับการขนานนามว่าเมืองช้าง ดังนั้นเมื่อมาแล้วก็ต้องไปเที่ยวหมู่บ้านช้างที่อำเภอท่าตูม ชุมชนชาวส่วยด้วย ที่นี่มีการฝึกหัดช้าง เลี้ยงช้าง และคล้องช้าง ชาวบ้านทางตูมเลี้ยงช้างไว้เป็นเพื่อน กินนอนร่วมกัน ไม่ได้เลี้ยงช้างไว้เพื่อใช้แรงงานเหมือนในภาคเหนือของไทย นักท่องเที่ยวที่เป็นคู่สามีภรรยามักนิยมไปจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ศูนย์คชศึกษา ส่วนช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ช่วงขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 6 ที่วัดแจ้งสว่าง บ้านตากลาง อ.ท่าตูม จะมีการแห่นาคด้วยช้างกว่า 50 เชือก ข้ามลำน้ำมูลในพิธีอุปสมบท ส่วนในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายนทุกปีจะมีงานช้างสุรินทร์ ที่สนามกีฬาศรีณรงค์

ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง

และเป็นปกติเมื่อได้มาเที่ยวแล้ว ก็ต้องซื้อของดีประจำเมืองสุรินทร์และบุรีรัมย์กลับบ้านด้วย ของดีเมืองสุรินทร์จำพวกผ้าคือผ้าไหมยกทองจันทร์โสมา บ้านท่าสว่างที่เป็นผ้าทองยกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ และยังมีเครื่องเงินจำพวกลูกประคำเงิน(ลูกประเกือม) บ้านเขวาสินรินทร์ บ้านโชค บ้านสะดอ อำเภอเขวาสินรินทร์ส่วนของที่ระลึกจากเมืองบุรีรัมย์คือ ผ้าไหมและผ้าฝ้ายบ้านนาโพธิ์ผ้าซิ่นตีนไหมแดง ผ้าเอกลักษณ์ของชาวอำเภอพุทไธสงและอำเภอนาโพธิ์ ผ้าฝ้ายภูเขาไฟภูอัคนี เป็นผ้าฝ้ายย้อมดินภูเขาไฟของชุมชนบ้านเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์โปรดโทร. 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย

เขื่อนลำนางรอง

ปราสาทศีขรภูมิ

ประเพณีบวชนาคช้าง

หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง

Leave a comment