ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/236889
วันอาทิตย์ ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Hylas and the Nymphs ของ Francesco Furini (1635)
นอกจากผลงานแนวเรอเนสซองส์แล้วใน Palatine Gallery ยังมีผลงานแนวอื่นของศิลปินอิตาลีอีกหลายคนด้วย เช่น Venus CombingCupid’s Hair ของ Giovanni Da San Giovanni(1630) ศิลปินยุคบาโรกชาวอิตาเลียน ภาพวีนัสหวีผมให้คิวปิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความชื่นชอบในการสร้างสรรค์งานแนวตำนานกรีกโบราณของศิลปินได้เป็นอย่างดี ท่าทางและแววตาของวีนัสขณะหวีผมให้กับกามเทพนี้สะท้อนให้ถึงความรักใคร่ ความเอาใจใส่ และความเอ็นดูได้อย่างน่าทึ่ง ส่วนรายละเอียดเสื้อผ้า แววตา กิริยาท่าทาง และนิ้วเท้าของวีนัสก็แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพของศิลปินได้อย่างเด่นชัด
Judith holding the head of Holofernes ของ Cristofano Allori (1620) ศิลปินยุค Mannerism ชาวอิตาลี ภาพที่ศิลปินเขียนภาพหน้าตัวเองให้เป็น Holofernes และภรรยาลับของเขาเป็น Judith นี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ Caravaggio ต่องานของเขาได้อย่างเด่นชัด แม้ภาพจูดิธถือศีรษะของ Holofernesนี้จะยังไม่เสร็จสิ้นสังเกตได้จากเสื้อผ้าของจูดิธ แต่ส่วนที่เสร็จสิ้นแล้วไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าบางส่วน ศีรษะของ Holofernes ล้วนเป็นแบบอย่างที่ดีของงานแนว Realism โดยเฉพาะรอยพับของเสื้อผ้า มือซ้ายของจูดิธ และหนวดเคราของHolofernes ที่เขียนได้เสมือนจริงมากราวกับภาพถ่ายเลยทีเดียว

Judith holding the head of Holofernes ของ Cristofano Allori (1620)
Hylas and the Nymphs ของ Francesco Furini (1635) ศิลปินยุคบาโรกชาวอิตาลี ภาพที่ถูกจ้างเขียนโดย Agnolo Galli และถูกซื้อโดย Palatine Gallery เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษ 21 นี้ สะท้อนให้เห็นถึงฝีมือในการวาดภาพนู้ดของศิลปินอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้ชมจะพบว่าศิลปินสามารถจัดการกับองค์ประกอบของภาพนู้ดของหญิงสาวในอิริยาบถต่างๆ ได้อย่างลงตัว ดูเป็นธรรมชาติ และกระตุ้นกำหนัดได้อย่างเหลือเชื่อสมกับที่เขาได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินที่มีความสามารถที่สุดคนหนึ่งในการวาดภาพนู้ดแห่งยุคเลยทีเดียว
The Story of Hercules ของ Pietro Benvenuti (1828) ศิลปินยุคนีโอคลาสสิกชาวอิตาลี ภาพที่เขียนแบบ Fresco นี้เป็นตัวอย่างของงานแนวนีโอคลาสสิกอิตาลีที่ไม่ด้อยไปกว่าประเทศใดๆ ในโลกแม้อิตาลีจะมิใช่ต้นกำเนิดของงานแนวนี้ก็ตาม ภาพเรื่องราวของเฮอร์คิวลิสที่ถูกเขียนในห้องยามในช่วงที่ ตระกูล Lorraine ปกครองทัสคานีหลังนโปเลียนนี้เขียนด้วยสีที่ออกเฉดเขียวตลอดเกือบทั้งภาพ แต่ก็ยังให้อารมณ์ตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี
ในห้องภาพนี้ไม่เพียงมีผลงานทัศนศิลป์ ยังมีผลงานประติมากรรมด้วย เช่น Michelangeloas a child ของ Emilio Zocchi (1861)นักประติมากรรมชาวอิตาลี งานประติมากรรมที่ Michelangelo กำลังแกะสลักเทพเจ้าแห่งไร่นาในสวน San Macro นี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของตำนานกรีกโบราณต่อวิถีชีวิตประจำวันในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี

Michelangelo as a child ของ Emilio Zocchi (1861)
Venus ของ Antonio Canovaนักประติมากรรมยุคนีโอคลาสสิกชาวอิตาลีงานประติมากรรมที่ถูกจ้างแกะเพื่อทดแทนVenus dei Medici ซึ่งนโปเลียนนำไปปารีสเมื่อครั้งบุกอิตาลีนี้เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมที่สุดของศิลปินชิ้นหนึ่ง ความเนียนของหินอ่อนตามเนื้อตัวและอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้า ผม เท้า ก้น และผืนผ้าสะท้อนให้เห็นว่าศิลปินมีเทคนิคที่ลึกล้ำในการแกะสลักหินอ่อนไม่เป็นรองศิลปินอันดับต้นๆ คนใดของโลกรวมทั้ง Bernini และ Michelangelo จึงไม่เป็นที่สงสัยว่าเหตุใดเขาได้รับการยกย่องให้เป็นนักประติมากรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคนีโอคลาสสิก นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสชมผลงานชิ้นนี้จริงๆ จะรู้สึกได้ถึงความราบเรียบ อ่อนนุ่มและละเมียดละไมของผิวกายราวกับผิวหญิงสาวเป็นๆ มายืนอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว (ภาพจาก The Official Guide Pitti Palace: All the Museum, All the Works)

The Story of Hercules ของ Pietro Benvenuti (1828)

Venus Combing Cupid’s Hair ของ Giovanni Da San Giovanni (1630)

Venus ของ Antonio Canova
