วันเสาร์ ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนเชื่อว่าไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะทุกคนคงอยากมีหน้าที่การงานที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น เช่นเดียวกับผู้บริหารรุ่นใหญ่หัวใจสีเขียว ยอดพจน์ วงศ์รักมิตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบริหารและพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จากตำแหน่งเล็กๆ จนก้าวมาเป็น ฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้บางจากเป็นกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพลังกาย พลังใจอย่างเต็มความสามารถกว่าจะก้าวมาสู่จุดนี้ได้ พร้อมๆ กับการทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวได้อย่างไม่ตกบกพร่อง อะไร คือเคล็ดลับความสำเร็จของเขา ลองไปฟังกัน

ภายใต้ชายคาบ้านบางจาก จากตำแหน่งนักวิเคราะห์ธุรกิจ มาถึงเก้าอี้ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สิ่งที่ทำให้เขาสามารถทำงานอยู่ในองค์กรแห่งนี้ได้นานเกือบ 30 ปี จนเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังได้นั้น ยอดพจน์บอกว่า เกิดจากความประทับใจวัฒนธรรมองค์กรที่ได้รับการปลูกฝังมาจากผู้บริหารระดับสูงในยุคก่อตั้ง โสภณ สุภาพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ในขณะนั้น

“ผมประทับใจตั้งแต่วันที่สอบสัมภาษณ์ เพราะผู้บริหารระดับสูงลงมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่เห็นความสำคัญของคนทำงาน พอได้มาทำงานจริงๆ ก็พบว่าวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมมีความสุขในการทำงาน วัฒนธรรมองค์กรในบางจากมี 2 ส่วน วัฒนธรรมภายใน ก็คือ คน เน้นเรื่อง คนดี มีความรู้ มีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคนที่เข้ามาทำงานบางจากต้องเป็นคนดีก่อน แล้วมาเติมความรู้เพื่อที่จะไปทำประโยชน์ต่อได้ อีกด้านคือต่อสังคมภายนอก พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรนี้ก็ตรงกับแนวความคิดของผม ทำให้ผมรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเราทำงานได้อย่างมีความสุข และยิ่งทำให้เราซึมซับแนวคิดนี้ในการที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภคตลอดจนสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมอยู่กับบางจากมาตลอด”

เมื่อก้าวสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงขององค์กรขนาดใหญ่อย่างบางจากปิโตรเลียม แน่นอนว่าหน้าที่ความรับผิดชอบต้องมากด้วยเช่นกัน ยอดพจน์ เผยถึง หลักในการทำงานให้ถึงเป้าหมายขององค์กรและความสำเร็จในการทำงานของตัวเองว่า

“ในด้านเป้าหมายขององค์กร สำคัญต้องรู้จักบริหารเวลาและจัดลำดับความสำคัญให้ดี เริ่มต้นก็ต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน ทำให้พนักงานทุกคนเข้าใจวิสัยทัศน์ของบริษัทและร่วมมือเดินไปในทิศทางเดียวกัน แต่เราเองก็ต้องรู้จักลงมือปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดี และสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนด้วย ทีมงานจึงจะแข็งแกร่ง เพราะไม่มีใครทำอะไรสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ต้องอย่าลืมทำงานด้วยหัวใจที่เป็นธรรม มีเมตตา และรู้จักให้โอกาสคนด้วย

ไม่ว่าการทำงานหรือการใช้ชีวิตส่วนตัวทุกอย่างเกิดจากการมีทัศนคติแง่บวกทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เพราะความคิดด้านลบจะทำให้ใจยึดติดกับปัญหา มองแต่อุปสรรคทำให้ย่ำอยู่กับที่ไม่พัฒนา การเดินทางสายกลางถือว่าดีที่สุดแล้วใช้ได้กับทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือชีวิตครอบครัว ต้องไม่หย่อนเกินไป ไม่ตึงเกินไป ที่สำคัญเราเองก็ต้องเป็นคนดีด้วย หมั่นศึกษาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น”

เมื่อถามถึงเบื้องหลังความสำเร็จ ยอดพจน์ยกเครดิตให้กับอดีตเจ้านาย โสภณ สุภาพงษ์ ที่ให้โอกาสในการทำงาน และอีกส่วนหนึ่งคือ “ครอบครัว” โดยเฉพาะศรีภรรยา เครือวัลย์ วงศ์รักมิตร

“คุณโสภณ เป็นต้นแบบในการทำงาน เพราะผมได้รับโอกาสจากท่านที่ทำให้ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของบางจาก และตลอดเวลา 14 ปี ที่ท่านเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผมก็มีโอกาสได้เรียนรู้การทำงานจากท่านในทุกๆ ด้าน เรียกได้ว่าท่านเป็นไอดอลในการทำงานของผม ส่วนครอบครัวนี้ก็เป็นแบ๊กอัพที่สำคัญที่ทำให้ผมสามารถทุ่มเทเวลาให้กับงานได้อย่างเต็มที่โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านของบางจาก จากการเป็นโรงกลั่นมารุกตลาดค้าปลีก ผมต้องเดินทางทำงานไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ ถ้าไม่มีภรรยาที่เข้าใจและคอยสนับสนุน ผมก็อาจไม่เป็นผมทุกวันนี้ก็ได้”

ยอดพจน์ ยังเผยถึงเคล็ดลับในการดูแลครอบครัว ในช่วงที่ต้องทำงานห่างภรรยาและลูกๆ ว่าการสื่อสารและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทำให้ครอบครัวมีความสุข

“ช่วงลูกยังเล็ก ถ้าผมไม่เดินทางตอนเช้า ผมมีหน้าที่ไปส่งลูกที่โรงเรียน ตอนเย็นแม่เขาก็จะเป็นคนไปรับกลับบ้าน แต่ถ้าผมไม่อยู่ ภรรยาก็ต้องไปรับ-ส่ง และคิดดูว่าสมัยก่อนการติดต่อสื่อสารไม่ได้สะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน เวลาไปทำงานต่างจังหวัดนี่ผมต้องใช้เหรียญหยอดตู้โทรศัพท์สาธารณะบ้าง ใช้โทรศัพท์โรงแรมบ้าง เพื่อที่จะโทร.มาหาภรรยา เพื่อให้เขารู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่นี่ สบายดีนะ ไม่ต้องห่วง เพราะเวลาที่เราอยู่ไกลกัน ถ้าไม่สื่อสารกันให้เข้าใจจะเกิดปัญหา จะเรียกว่ารายงานตัวก็ไม่ผิดครับ เพราะอยากให้เขาสบายใจ แต่ปัจจุบันมีทั้งเฟซบุ๊ค ไลน์ ไอจี ก็สะดวกมากขึ้น นอกเหนือจากนี้คือ การให้เวลากับครอบครัว ในวันหยุดถือเป็นวันครอบครัว ที่เราจะใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ไปทานข้าว ไปออกกำลังกาย ไปเที่ยว ผมเน้นว่าเวลาน้อยแต่มีคุณภาพครับ ก็โชคดีว่าลูกๆ ก็เป็นเด็กดี เรียนจบ มีหน้าที่การงานที่ดีทั้งสองคน”

ผู้บริหารรุ่นใหญ่ในวัย 57 ปี บอกว่า “พอใจ”กับทุกสิ่งที่เขาได้รับในวันนี้ เพราะหลายอย่างที่เข้ามาในชีวิตก็เกินความคาดหมายของตัวเอง หากถามว่ายังมีเป้าหมายสูงสุดอะไรในชีวิตอีกหรือไม่ ยอดพจน์บอกว่า ยังคงจะทุ่มเทให้กับการทำงานในการมีส่วนร่วมที่จะทำให้บางจากปิโตรเลียม เป็นธุรกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปจนกว่าจะเกษียณ รวมถึงการนำความรู้ความสามารถที่มีไปใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม เท่าที่ยังมีแรงกายจะทำได้