ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/301151

ตะลอนเที่ยว : วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และสุสานหลวง
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นับเป็นวัดสุดท้ายที่มีการสร้างวัดประจำรัชกาลตามแบบโบราณราชประเพณี
วัดราชบพิธฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2412 โดยมีพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ และเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล) ทรงเป็นและเป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง ลักษณะเด่นของพระอารามหลวงแห่งนี้คือการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและตะวันตก (ยุโรป) โดยภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมไทย ส่วนภายในพระอุโบสถออกแบบและตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมยุโรป พระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถมีนามว่า พระพุทธอังคีรส หล่อขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทำด้วยกระไหล่ทองคำหนัก 80 บาท ซึ่งเป็นทองคำที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงใช้เมื่อทรงพระเยาว์ แต่เดิมนั้น รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชดำริจะอัญเชิญพระพุทธอังคีรสไปประดิษฐาน ณ พระปฐมเจดีย์ แต่สิ้นรัชกาลก่อน ดังนั้นรัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธฯ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2415

ที่ฐานบัลลังก์พระประธานบรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 และ พระอัฐิสมเด็จพระศรีสุลาไลย และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าละม่อม กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร
วัดราชบพิธฯ คือที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อัมมพโร)
และพระอารามหลวงแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสุสานหลวงแห่งจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ อันเป็นเขตเฉพาะที่นับเนื่องด้วยราชสกุลและสายสัมพันธ์แห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สุสานหลวงแห่งนี้ รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยมีพระราชประสงค์ให้ผู้ที่ทรงรักใคร่ห่วงใยใกล้ชิด คือ พระมเหสี พระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา พระราชโอรส พระราชธิดา และพระประยูรญาติได้ทรงอยู่ร่วมกันหลังจากสวรรคต ทิวงคต สิ้นพระชนม์แล้ว โดยทั่วไปจะสร้างพระอนุสาวรีย์ของพระมเหสีและเจ้าจอมมารดาก่อนเพื่อให้พระราชโอรส พระราชธิดาที่ทิวงคต และสิ้นพระชนม์แล้วได้อยู่ร่วมกับพระราชชนนี และพระราชมารดา ซึ่งเปรียบเสมือนได้ทรงอยู่ในบ้านของแม่ เว้นแต่ในกรณีที่พระราชโอรสและพระราชธิดาทิวงคต สิ้นพระชนม์ก่อน ก็จะสร้างพระอนุสาวรีย์ของพระองค์นั้นๆ ไปก่อน

พระอนุสาวรีย์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในสุสานหลวง เพื่อบรรจุพระอัฐิ และพระสรีรางคารจะมีรูปแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ กัน เช่น พระเจดีย์ พระปรางค์ พระวิหาร ซึ่งมีทั้งแบบไทยแท้ แบบโกธิค (ยุโรป) และแบบขอม พระอนุสาวรีย์สำคัญในสุสานหลวงคือ เจดีย์สี่องค์โดยองค์หนึ่งมีสีทอง พระอนุสาวรีย์นี้มีพระนามว่า สุนันทานุสาวรีย์ รังษีวัฒนา เสาวภาประดิษฐาน สุขุมาลนฤมิตร์ นอกจากนี้ยังมีพระอนุสาวรีย์อื่นๆ อาทิ ของเจ้าจอมมารดาแส สร้างแบบโกธิค พระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรองค์อรรคยุพา สร้างทรงพระปรางค์ พระอนุสาวรีย์พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏปิยมหาราชปดิวรัดา เป็นแบบพระปรางค์สามยอดแบบลพบุรี พระอนุสาวรีย์พระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระอนุสาวรีย์เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (เจ้าคุณจอมมารดาแพ) เป็นต้น
สุสานหลวงมีพระอนุสาวรีย์ทั้งหมด 34 องค์ สุสานหลวงแห่งนี้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายพระสักการะได้ แต่ขอให้แต่งกายสุภาพ และแสดงกิริยาสุภาพเมื่อเข้าในเขตสุสานหลวง
วัดราชพิพิธฯ ตั้งอยู่ใกล้กับกระทรวงมหาดไทย ถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพฯ

