ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/392904

รมว.เกษตรฯเข็นแผนการผลิตใหม่ของประเทศ เคาะโควต้า’เกษตรกรรม ป้องล้นตลาด ไม่ซ้ำรอยยางพารา’
2 ก.พ. 62 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ กำชับให้คณะอนุกรรมการฯ ที่รับผิดชอบการผลิตและพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรรายชนิด กำหนดโควตาการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยใช้นโยบายการจัดสรรปริมาณการผลิตตามความต้องการของตลาด หรือ โควตาเกษตรกรรม ป้องกันการทำเกษตรไม่มีแผนการตลาดรองรับ ขยายพื้นที่ปลูกจนล้นตลาด ราคาตกต่ำเช่นยางพารา
“กำชับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ที่เป็นคณะอนุกรรมการฯ รับผิดชอบผลผลิตทางการเกษตรรายชนิด เช่น คณะอนุกรรมการฯ พืชสวนดูแล ชาและกาแฟ คณะอนุกรรมการฯ พืชหัว ดูแลหอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม มันฝรั่ง ซึ่งตามพระราชบัญญัติเศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ. 2522 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ดูแลพืชเหล่านี้โดยตรง ส่วนพืชอื่น ปศุสัตว์ และประมงนั้น อยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการนโยบายระดับชาติได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม้ผล ถั่วเหลือง มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา อ้อย ปศุสัตว์ และประมง ซึ่งครม. กำหนดให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันดูแลเป็นรายชนิด”นายกฤษฏา กล่าวว่า
นายกฤษฎา กล่าวว่า จะร่างแผนการผลิตใหม่ โดยกำหนดโควตาเกษตรกรรม ผ่านแผนที่การใช้ที่ดินเหมาะสม และมีแหล่งน้ำ พร้อมกับสั่งทูตเกษตรใน 11 ประเทศสำรวจความต้องการล่วงหน้าของตลาดโลก รวมทั้งตลาดในประเทศ โดยเกษตรกรแต่ละรายจะมีโควตาการผลิตเป็นปริมาณที่ชัดเจน เช่น มีที่ดิน 50 ไร่ ควรปลูกพืชกี่ชนิด อะไรบ้าง และจำนวนเท่าไร กรมส่งเสริมการเกษตร จะเข้าไปแนะนำและขึ้นทะเบียนการผลิต เช่นเดียวกับการทำปศุสัตว์และประมงด้วย
ในปีที่ผ่านมา นโยบาย ตลาดนำการผลิต ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมที่น่าพอใจได้แก่ การลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง มาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กว่า7แสนไร่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวดีกว่าทำนาจากนี้จะส่งเสริมชาวนา ปลูกข้าวคุณภาพดี และข้าวอินทรีย์ ซี่งตลาดต่างประเทศต้องการอีกมาก และขายได้ราคาสูงกว่าข้าวที่ใช้สารเคมี
นอกจากนี้ในช่วงฤดูแล้งจะส่งเสริมการปลูกถั่วเหลือง ถั่วเขียว และพืชผัก โดยโมเดลการผลิตสมดุลตลาด ที่จัดทำขึ้นสามารถใช้อย่างได้ผลดีต่อไป แม้จะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารงาน
นายกฤษฎา กล่าวว่ารัฐบาลนี้ ดำเนินการประกันความเสี่ยง แก่อาชีพเกษตรกรทั้งการจัดสรรงบประมาณให้เป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การทำประกันภัยพิบัติ แม้เกิดน้ำท่วม น้ำแล้ง โรคหรือแมลง ได้รับการชดเชยตามระเบียบกระทรวงการคลังแล้ว จะได้ค่าชดเชยจากบริษัทประกันภัยอีกด้วย เพื่อให้อาชีพเกษตรกรมีหลักประกันที่มั่นคงและมีสวัสดิการเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ