ส่องเกษตร : คนเข้มแข็ง สหกรณ์เข้มแข็ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/397890

449007

ส่องเกษตร : คนเข้มแข็ง สหกรณ์เข้มแข็ง

วันพุธ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562, 06.00 น.

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันสหกรณ์แห่งชาติ แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าวันนี้เป็นวันสหกรณ์แห่งชาติ ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2458 สมัยนั้นรัฐบาลเห็นสมควรนำวิธีการสหกรณ์ เข้ามาช่วยพัฒนาประเทศให้ประชาชนได้หลุดพ้นจากความยากจน โดยเฉพาะเกษตรกร พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย ได้ทรงส่งเสริมให้ก่อตั้งสหกรณ์แห่งแรกคือ สหกรณ์วัดจันทร์ไม่จำกัดสินใช้ ณ ตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และทรงเป็นนายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนเป็นสหกรณ์แห่งแรก เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 ตามรูปแบบสหกรณ์เครดิตแบบไรฟ์ไฟเซนของเยอรมนี ต่อมาในวันที่ 9 ตุลาคม 2527 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจึงมีมติกำหนดให้วันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น”วันสหกรณ์แห่งชาติ”

“สหกรณ์” ตามความหมายขององค์การสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ หมายถึง องค์การอิสระของบุคคลซึ่งร่วมกันด้วยความสมัครใจ เพื่อสนองความต้องการ และจุดมุ่งหมายร่วมกันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมโดยการดำเนินวิสาหกิจที่พวกเขาเป็นเจ้าของร่วมกันบริหารงาน และควบคุมตามแนวทางประชาธิปไตยใช้หลักการของ one man one vote ไม่ว่าจะมีหุ้นอยู่ในสหกรณ์เท่าใดก็ตาม

จากความหมายของสหกรณ์ จึงอาจกล่าวได้ว่าสหกรณ์เป็นองค์กรภาคประชาชนที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล สามารถบริหารจัดการองค์กรของตนได้อย่างอิสระ โดยอยู่ภายใต้กรอบอำนาจของกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รูปแบบการรวมตัวกันของผู้คนในสังคมที่อยู่ร่วมกันเป็นสหกรณ์ ต้องเริ่มจากสมาชิกทุกคนมีความมุ่งหวังในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นสำคัญ โดยมีเป้าหมายให้สมาชิกสหกรณ์สามารถพึ่งพาตนเองและยืนบนขาของตนเองได้ พร้อมกับการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตยอย่างเป็นสุข โดยมิได้มุ่งหวังแสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน กิจการสหกรณ์ดังกล่าวจึงจะสามารถยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็ง

หลายท่านอาจมีประสบการณ์กับสหกรณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการจัดตั้งของกลุ่มผลประโยชน์ สหกรณ์เหล่านี้มักเป็นสหกรณ์ที่อายุสั้น เมื่อกลุ่มผลประโยชน์ได้รับผลประโยชน์เต็มที่แล้ว ก็ปล่อยให้สมาชิกที่ไม่รับรู้ความเป็นไปของสหกรณ์รับกรรมไป รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อสหกรณ์อื่นๆ ที่หลงเข้ามาในวงธุรกิจของสหกรณ์เหล่านี้ ต้องเดือดร้อนตามกันไปด้วย สิ่งสำคัญที่สมาชิกสหกรณ์จะต้องคำนึงถึงคือ สหกรณ์เป็นกิจการที่เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสมาชิกด้วยกันเอง ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเพื่อจะแสวงหากำไรมาแบ่งกันหรือเข้ากระเป๋าของใคร ถ้ามีแนวคิดแบบนี้ คงต้องไปรวมตัวกันเป็นบริษัทจำกัดน่าจะตรงกว่า ไม่ต้องมาอาศัยคำว่าสหกรณ์เพื่อใช้หลบเลี่ยงภาษี และทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ลำบากไปด้วย

จากประสบการณ์ของผมที่คลุกคลีกับวงการสหกรณ์อยู่ช่วงหนึ่งของการทำงาน ผมได้ข้อสังเกตว่า สหกรณ์ที่เกิดจากความเดือนร้อนของสมาชิก เป็นความต้องการแก้ไขปัญหาของสมาชิกเอง มักจะค่อยๆ เติบโตและขยายกิจการไปได้ โดยที่ภาครัฐเข้าไปกำกับดูแลเท่านั้น ไปเป็นพี่เลี้ยง ไม่ใช่ไปบังคับให้ทำโน้นทำนี่โดยที่สหกรณ์ไม่ต้องการ แต่เมื่อไปถึงจุดหนึ่งที่สหกรณ์เติบโตขึ้นมาก ผลประโยชน์เริ่มล่อตาล่อใจ ความพอเพียงเริ่มขยายขนาด ร่วมกับคณะกรรมการสหกรณ์และฝ่ายจัดการที่ขาดธรรมาภิบาล เมื่อสองสิ่งนี้ประสานกัน และมีสมาชิกที่ขาดความใส่ใจต่อการดำเนินการของสหกรณ์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายจัดการและคณะกรรมการไป ปัจจัยเหล่านี้เมื่อรวมกันเข้ามักจะเป็นจุดเริ่มของจุดเสื่อมเสมอคำกล่าวที่ว่า หากจะทดสอบว่าใครมีความซื่อสัตย์สุจริตเพียงใด ให้ลองเอาผลประโยชน์มาวางตรงหน้า แล้วดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร เห็นกันได้ในวงการนี้

ผมมีความเชื่อว่า ความเข้มแข็งของสหกรณ์ ต้องเกิดจากสมาชิกที่เข้มแข็ง และเชื่อมั่นต่อระบบการเป็นพี่เลี้ยงให้กับสหกรณ์ที่ยังไม่เข้มแข็งให้สามารถยืนได้ด้วยตนเอง ในขณะที่สหกรณ์ที่เข้มแข็งแล้วต้องมีระบบการกำกับดูแลที่ชัดเจนและเพียงพอ สหกรณ์จะเป็นกลไกในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง เพราะสมาชิกสหกรณ์คือฐานของการพัฒนาประเทศ

สมชาย ชาญณรงค์กุล

Leave a comment