ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/416406
x
เกษตรฯจับมือGIZผลิตข้าวลดโลกร้อน
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯร่วมกับองค์กรความร่วมมือต่างประเทศเยอรมนี หรือ GIZ จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือโครงการ Thai Rice NAMA ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 14.9 ล้านยูโร (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 600 ล้านบาท) จากรัฐบาลเยอรมนี รัฐบาลสหราชอาณาจักร รัฐบาลเดนมาร์กและสหภาพยุโรป ผ่านโครงการ NAMA Facility ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี (2561 – 2566) สำหรับดำเนินงานพัฒนาการผลิตข้าวของเกษตรกร 100,000 ครัวเรือนใน 6 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และสุพรรณบุรี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.8 ล้านไร่ โครงการมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ 1) เพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมแก่เกษตรกรทั้งการทำนาแบบลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการผลิตข้าวที่ได้มาตรฐานการผลิตข้าวที่ยั่งยืน (Thai Rice GAP++) 2) เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจการให้บริการเทคโนโลยีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการทำนา และ3) เพื่อให้มีมาตรการจูงใจที่สนับสนุนให้ภาคการผลิตข้าวทั้งระบบสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการโครงการนี้จะมุ่งเน้นให้เกษตรกรรายย่อยปรับเปลี่ยนวิธีการทำนาแบบปัจจุบันไปสู่การทำนาที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพันธุ์ข้าวและเทคโนโลยีเฉพาะที่เหมาะสมกับพื้นที่ทั้งการปรับพื้นที่ให้เสมอกันการปลูกแบบเปียกสลับแห้งการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินการจัดการฟางและตอซังเพื่อลดการเผา และอื่นๆ ซึ่งจะประหยัดน้ำและลดน้ำท่วมในแปลงลง โดยโครงการจะตั้งกองทุนหมุนเวียน และฝึกอบรมเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตข้าวที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โครงการได้รับความร่วมมือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อสีเขียวให้ผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซ เรือนกระจก นอกจากนี้ โครงการจะให้การสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐ ในกำหนดนโยบายและมาตรการสนับสนุนต่างๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการผลิตข้าวที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ รวมทั้ง การพัฒนามาตรฐาน Thai Rice GAP++ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงตลาดและห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงการขยายผลในพื้นที่อื่นต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์ที่เป็นเกษตรกรและผู้ให้บริการเทคโนโลยี 454,200 คน โครงการมีพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกแบ่งเป็น นาปรังประมาณ 2.8 ล้านไร่ และนาปีอีก 2.8 ล้านไร่ โดยคาดว่าจะได้ผลผลิตสูงสุดประมาณ 4 ล้านตันต่อปี