รายงานพิเศษ : ยกระดับตรวจคุณภาพผ้าไหมไทยตรานกยูงฯ ตั้งเป้าปี’62รับรองมาตรฐานให้ได้2แสนเมตร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/423470

รายงานพิเศษ : ยกระดับตรวจคุณภาพผ้าไหมไทยตรานกยูงฯ  ตั้งเป้าปี’62รับรองมาตรฐานให้ได้2แสนเมตร

รายงานพิเศษ : ยกระดับตรวจคุณภาพผ้าไหมไทยตรานกยูงฯ ตั้งเป้าปี’62รับรองมาตรฐานให้ได้2แสนเมตร

วันอังคาร ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.

นายวสันต์ นุ้ยภิรมย์

กรมหม่อนไหมเผยปี’62 ยกระดับตรวจสอบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยตรานกยูงพระราชทาน ด้วยกระบวนการและเทคโนโลยี 4.0 ซึ่งให้บริการได้รวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดสินค้าหม่อนไหมอย่างมั่นคง

นายวสันต์ นุ้ยภิรมย์ รองอธิบดีกรมหม่อนไหมเปิดเผยว่า กรมหม่อนไหม เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลสินค้าหม่อนไหมให้มีคุณภาพมาตรฐาน ให้บริการตรวจสอบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย(ตรานกยูงพระราชทาน) สำหรับผู้ยื่นคำขอทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับสินค้าผ้าไหมไทยให้ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) เป็นมาตรฐานที่กรมจัดทำขึ้น เพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงอนุรักษ์และรักษาผ้าไหมไทยให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมคู่ชาติไทย มีหลักเกณฑ์สำคัญคือต้องผลิตในประเทศไทย ลอกกาวและหรือย้อมสีด้วยวัสดุธรรมชาติหรือสารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสีสม่ำเสมอ ลวดลายและเนื้อผ้า ซึ่งมาตรฐานตรานกยูงนี้มี 4 ชนิดประกอบด้วย

1.ตรานกยูงพระราชทานสีทอง (Royal Thai Silk) เป็นผ้าไหมที่ผลิตโดยใช้เส้นไหม วัตถุดิบ และกระบวนการผลิตที่อนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านดั้งเดิมของไทยอย่างแท้จริง ใช้เส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านเป็นทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืนเส้นไหมต้องสาวด้วยมือผ่านพวงสาวลงภาชนะทอด้วยกี่ทอมือแบบพื้นบ้านพุ่งกระสวยด้วยมืออาจตกแต่งด้วยเส้นเงิน หรือเส้นทองที่ได้มาตรฐานได้ไม่เกินร้อยละ 20 โดยพื้นที่ในหน่วยตารางหลา ในกรณีผ้าที่ทอด้วยกรรมวิธีการยก หรือจก หรือขิด อนุญาตให้ตกแต่งด้วยเส้นเงินหรือเส้นทองที่ได้มาตรฐานได้ไม่เกินร้อยละ 50

2.ตรานกยูงพระราชทานสีเงิน (Classic Thai Silk) เป็นผ้าไหมที่ผลิตโดยยังคงอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านผสมผสานกับการประยุกต์ใช้เครื่องมือและกระบวนการผลิตบางขั้นตอน ใช้เส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านหรือพันธุ์ไทยปรับปรุงเป็นเส้นพุ่งและ/หรือเส้นยืนเส้นไหมสาวด้วยมือแบบพื้นบ้าน หรือสาวเข้าอักหรือเข้าระวิงหรือสาวด้วยเครื่องจักรที่มีกำลังไม่เกิน 5 แรงม้าทอด้วยกี่ทอมือ เช่น กี่ทอมือแบบพื้นบ้านชนิดพุ่งกระสวยด้วยมือ กี่กระตุก อาจมีการตกแต่งด้วยเส้นเงินหรือเส้นทองที่ได้มาตรฐานได้ไม่เกินร้อยละ 20 โดยพื้นที่ในหน่วยตารางหลา กรณีผ้าที่ทอด้วยกรรมวิธีการ ยก หรือ จก หรือ ขิด อนุญาตให้ตกแต่งด้วยเส้นเงิน หรือเส้นทองที่ได้มาตรฐานได้ไม่เกินร้อยละ 50

3.ตรานกยูงพระราชทานสีน้ำเงิน (Thai Silk) เป็นผ้าไหมที่ผลิตด้วยภูมิปัญญาของไทยแบบประยุกต์ ใช้เทคโนโลยีการผลิตเข้ากับสมัยนิยมและเชิงธุรกิจ ใช้เส้นไหมแท้เป็นทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน เส้นไหมที่ใช้อาจเป็นได้ทั้งชนิดที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย หรือเป็นเส้นไหมที่นำเข้าจากต่างประเทศ กรณีที่ใช้เส้นไหมที่นำเข้าจากต่างประเทศต้องมีเอกสารกำกับการนำเข้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่กำหนดวิธีการสาวและวิธีการทออาจตกแต่งด้วยเส้นเงินหรือเส้นทองที่ได้มาตรฐานได้ไม่เกินร้อยละ 20 โดยพื้นที่ในหน่วยตารางหลา ในกรณีผ้าที่ทอด้วยกรรมวิธีการ ยก หรือ จก หรือ ขิด อนุญาตให้ตกแต่งด้วยเส้นเงิน หรือเส้นทองที่ได้มาตรฐานได้ไม่เกินร้อยละ 50

4.ตรานกยูงพระราชทานสีเขียว (Thai Silk Blend) เป็นผ้าไหมที่ผลิตด้วยกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ผสมผสานกับภูมิปัญญาไทยด้านลวดลายและสีสันระหว่างเส้นใย ไหมแท้กับเส้นใยอื่นที่มาจากธรรมชาติ หรือเส้นใยสังเคราะห์รูปแบบต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ใช้งานหรือตามความต้องการของผู้บริโภค ใช้เส้นไหมแท้เป็นส่วนประกอบหลัก มีเส้นใยชนิดอื่นเป็นส่วนประกอบรอง โดยพื้นที่ในหน่วยตารางหลา ต้องระบุส่วนประกอบของเส้นไหมแท้และเส้นใยชนิดอื่นเป็นเปอร์เซ็นต์ให้ชัดเจน อาจตกแต่งด้วยวัสดุอื่นไม่กำหนดวิธีการผลิต

รองอธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าวต่อว่า การให้บริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) เป็นอีกหนึ่งกระบวนสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและตลาด ในเรื่องคุณภาพผ้าไหมที่รับประกันได้ว่า ผ้าทุกผืนที่ได้รับการติดตรานกยูงพระราชทานมีคุณภาพด้านความสม่ำเสมอของสี ลวดลาย เนื้อผ้าและสีไม่ตกแน่นอน ตั้งแต่พ.ศ.2553 – 2561 มีการผลิตผ้าไหมได้จำนวน 827,361 เมตร แต่ผ่านเกณฑ์ 734,852 เมตร คิดเป็นร้อยละ88 โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาตัวเลขการผลิตผ้าไหมของไทยอยู่ที่ 5-6 ล้านเมตร สามารถติดตรานกยูงพระราชทานได้เพียง 90,000 เมตร ถือเป็นจำนวนที่น้อยมาก ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2562 กรมหม่อนไหมตั้งเป้าหมายในการให้บริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน)ให้ได้ 200,000 เมตร เน้นขับเคลื่อนการทำงนเชิงรุก โดยกรมหม่อนไหมได้คิดค้นระบบการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการรับรอง พร้อมมอบหมายบุคลากรทำงานในเรื่องดังกล่าวเพิ่มขึ้น จากเดิมต้องใช้ระยะเวลาตรวจรับรองกว่า 1 เดือน ขณะนี้ตรวจและรับรองได้ภายใน 3 วัน ทำให้การทำงานรวดเร็วทันต่อความต้องการของเกษตรกรที่จะเข้าสู่การรับรองมากยิ่งขึ้น

“โดยจากเป้าที่ตั้งไว้ปี’62 ว่าจะรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) ให้ได้ 200,000 เมตร ขณะนี้รับรองไปแล้วกว่า 1 แสนเมตร มั่นใจว่าระยะเวลาทีเหลือภายในปีงบประมาณนี้กรมหม่อนไหมจะดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน” รองอธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว

Leave a comment