สพด.บึงกาฬชู2อำเภอต้นแบบ ขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์มีส่วนร่วม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/440656

x

สพด.บึงกาฬชู2อำเภอต้นแบบ n ขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์มีส่วนร่วม

วันจันทร์ ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2562, 06.00 น.

นายเกรียงไกร ไชยโพธิ์ ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินบึงกาฬ เปิดเผยว่า การพัฒนาเกษตรอินทรีย์โดยภาครัฐ เริ่มให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2548 สนับสนุนให้เกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และสร้างโอกาสให้ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยพร้อมเป็นครัวของโลก ซึ่งกรมพัฒนาที่ดิน ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านเกษตรอินทรีย์ให้กลุ่มเกษตรกร โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ การขับเคลื่อนกระบวนการรับรองแบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee SystemsหรือPGS)ให้กลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ

ดังนั้น สถานีพัฒนาที่ดินบึงกาฬ จึงได้จัดทำโครงการทำการเกษตรอินทรีย์ วิถีพื้นบ้านเมืองบึงกาฬ มุ่งสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม: PGS ขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวดำเนินการมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว โดยเริ่มจากการคัดเลือกเกษตรกรในพื้นที่ที่มีความสนใจในการทำเกษตรอินทรีย์ มารวมกลุ่มกัน แล้วเข้าไปสนับสนุนในเรื่องขององค์ความรู้ปัจจัยการผลิตต่างๆ ตลอดจนเข้าไปแนะนำให้ลดละเลิกการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมี พร้อมส่งเสริมให้หันมาผลิตปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพโดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น เพื่อใช้ในแปลงเกษตร อีกทั้ง ยังสนับสนุนสารปรับปรุงบำรุงดิน ปุ๋ยพืชสด เพื่อปรับปรุงบำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์มากขึ้น

ปัจจุบันมีกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 8 กลุ่ม กระจายอยู่ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.โซ่พิสัย อ.ศรีวิไล อ.เมือง และอ.พรเจริญ ดำเนินงานโดยใช้ทฤษฎีไข่แดง เป็นการทำตัวอย่างให้เห็นในแต่ละพื้นที่ก่อน แล้วขยายพื้นที่ออกไป เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ เพื่อให้กลุ่มรับรองกันเองว่า พืชผัก ผลไม้ที่ปลูกปลอดภัยจากสารเคมีและสารพิษ แล้วขยายผลไปแบบปากต่อปาก จากกลุ่มหนึ่งไปอีกกลุ่มหนึ่ง เมื่อมีหลายๆ กลุ่ม ก็จะรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ขยายจากชุมชน เป็นอำเภอ เป็นจังหวัด และเป็นระดับประเทศต่อไป

“อ.พรเจริญ และอ.โซ่พิสัย ถือเป็นตัวอย่างของการรวมกลุ่มกันทำเกษตรอินทรีย์ ที่มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ดินอุดมสมบูรณ์ขึ้น เกษตรกรมีงานทำตลอด ลดต้นทุนการผลิตได้มาก ทำให้มีรายได้เพิ่มรวมทั้งสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย”นายเกรียงไกรกล่าว

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะขยายพื้นที่ออกไปให้ครบทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดบึงกาฬ เพื่อให้เกษตรกรสามารถพัฒนากระบวนการทางสังคม กระบวนการผลิต การตลาด ความสัมพันธ์ที่ดีของเครือข่าย PGS และผู้บริโภค ทำให้เกิดการพัฒนาการเกษตรที่ผลิตอาหารที่ดี มีคุณภาพ รวมถึงเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้เกิดความสุข มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

Leave a comment