ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/441151
x
หนุนผู้เลี้ยงโคเข้าระบบGAP ลดนำเข้า-เพิ่มมูลค่าส่งออกแข่งตลาดสากล
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการตามนโยบายกระทรวงเกษตรฯและพบปะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อโคขุน พร้อมมอบแนวทางการช่วยเหลือและรับฟังปัญหาของเกษตรกร โอกาสนี้ได้มอบถุงยังชีพ เวชภัณฑ์และเสบียงอาหารสัตว์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ณ ฟาร์มโคขุนต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ว่า ฟาร์มเลี้ยงโคขุนแห่งนี้ได้รับการพัฒนายกระดับเป็นฐานการผลิตเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยเชื่อมโยงอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง ทั้งยังเป็นกลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนเพื่อเป็นอาชีพเสริม ส่วนใหญ่เป็นการเลี้ยงระยะสั้นประมาณ 90-120 วัน โดยขุนให้ได้น้ำหนักประมาณ 500 กก. และขายผ่านพ่อค้าที่จะส่งไปจีนและเวียดนาม นอกจากนี้มีโรงผสมอาหาร เพื่อลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ในฟาร์มและในกลุ่มผู้เลี้ยงโคขุน โดยมีเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ร่วมเป็นเครือข่าย ประมาณ 60 ราย จำนวนโคขุนในกลุ่ม ประมาณ 1,200 ตัว กรมปศุสัตว์ช่วยเหลือดูแลด้านการป้องกันโรคระบาด ให้ความรู้ผลักดันเข้าสู่ฟาร์มมาตรฐาน การตรวจสอบโคก่อนการเคลื่อนย้าย
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้เลี้ยงและพ่อค้ายังมีความต้องการโคเนื้อ-โคขุน จำนวนมาก หากสามารถสร้างกลุ่มผู้เลี้ยงแม่โคผลิตโครุ่นเพศผู้สายพันธุ์ดี ป้อนให้กลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนเพื่อผลิตโคเนื้อที่มีคุณภาพซากดีเทียบเท่าโคที่นำเข้าจากต่างประเทศ จะช่วยลดปริมาณนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศได้ นอกจากนี้ การสร้างศูนย์ผลิตอาหารหยาบสำหรับเลี้ยงโค เผื่อผลิตอาหารหยาบคุณภาพดี มีปริมาณที่เพียงพอต่อการเลี้ยงโคตลอดปี ก็สามารถช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต แข่งขันกับโคจากต่างประเทศได้ อีกทั้ง ต้องเน้นส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ-โคขุน โดยปรับระบบการเลี้ยงให้มีคุณภาพมาตรฐาน ผลิตโคที่มีสายพันธุ์ดี คุณภาพซากดี เพื่อเพิ่มมูลค่า มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับ รวมทั้งสร้างระบบการตลาดมีข้อตกลงซื้อขายล่วงหน้าเพื่อสร้างอาชีพที่มั่นคงให้ผู้เลี้ยงโคได้เข้มแข็งให้ได้
“กระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเข้าสู่ระบบมาตรฐาน GAP เพื่อให้นำตราสัญลักษณ์ Q (Q – GAP) ซึ่งแสดงถึงสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากกระทรวงเกษตรฯ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค และเพิ่มมูลค่าส่งออกไปแข่งขันในตลาดสากลได้ นอกจากนี้ จะส่งเสริมพัฒนาให้ฟาร์มโคเข้าสู่ระบบมาตรฐาน GMP รองรับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มมูลค่าและส่งออกไปยังต่างประเทศได้ในอนาคตอีกด้วย” นายประภัตร กล่าว
สำหรับจ.สุโขทัย เป็นแหล่งผลิตโคเนื้อใหญ่เป็นอับดับ 2 รองจากจ.ตาก มีเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ประมาณ 37,000 ครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย เลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพเสริม มูลค่าการผลิตด้านปศุสัตว์ปี 2559 มีมูลค่า 3,668 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการผลิตโคเนื้อโคขุน 1,365 ล้านบาท ซึ่งมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อที่ขึ้นทะเบียนกรมปศุสัตว์ 6,702 ครัวเรือน โคเนื้อรวม 79,263 ตัว เป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน โคขุน 3,453 ตัว แยกการเลี้ยงเป็น 2 รูปแบบคือ เลี้ยงโคผลิตลูก หรือโคต้นน้ำ และเลี้ยงโคขุน-โคมัน หรือโคกลางน้ำ