ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/409069

SACICT ขานรับปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน สร้างความยั่งยืนให้ชุมชนพร้อมต่อยอดสู่ตลาดโลก
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT ขานรับไทยเป็นประธานอาเซียน และการประกาศสู่การเป็น “ปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน 2562” (ASEAN Cultural Year) เตรียมสานต่อเครือข่ายองค์กรพันธมิตรด้านศิลปหัตถกรรมในอาเซียน พัฒนางานศิลปหัตถกรรมของอาเซียนมุ่งสู่ตลาดโลกโดยชูจุดขายเอกลักษณ์และความร่วมสมัย
.jpg)
อัมพวัน พิชาลัย ผอ.ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ
อัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ เผยว่า ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) พร้อมเดินหน้าสานต่อการพัฒนาและยกระดับงานศิลปหัตถกรรมในวัฒนธรรมร่วมสอดคล้องและขานรับกับการที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นประธานอาเซียน และการประกาศสู่การเป็น “ปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน 2562” ภายใต้แนวคิด “หลากหลาย สร้างสรรค์ ยั่งยืน” โดยความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ผสานกลมกลืนเป็นอัตลักษณ์ของอาเซียนนี้จะส่งเสริมความเข้มแข็งของอาเซียน โดย SACICT จับมือร่วมกับเครือข่ายองค์กรพันธมิตรด้านศิลปหัตถกรรมในอาเซียน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยในวัฒนธรรมร่วม (Cross Cultural Crafts) ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 5 แล้ว โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานเชิงบูรณาการของเครือข่ายกลุ่มอาเซียน เพื่อร่วมอนุรักษ์และสืบสานหัตถกรรมใกล้สูญหาย (Forgotten Heritage) ซึ่งเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตามท้องถิ่นหรือชุมชนในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน และได้รับผลกระทบจากกระแสวัฒนธรรมสมัยใหม่ จึงได้ร่วมมือกันในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและเชื่อมโยงผู้ที่มีทักษะฝีมือเชิงช่างชั้นสูงและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยมีประเทศที่เข้าร่วมโครงการทั้งในอาเซียน และในกลุ่มเอเชีย อาทิ งานเครื่องรักเครื่องเขิน ของประเทศเมียนมา, งานดุนโลหะ จากประเทศกัมพูชาและอินโดนีเซีย, งานประดับมุกจากประเทศเกาหลี, งานจักสานจากประเทศฟิลิปปินส์ และ ไต้หวัน รวมทั้งงานไม้จากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น โดยความร่วมมือระหว่างกันนี้ก่อให้เกิดการสืบสานภูมิปัญญาและพัฒนางานศิลปหัตถกรรมของอาเซียน ให้เกิดมีมูลค่าเพิ่มจนสามารถพัฒนาสู่ตลาดสากลได้ ซึ่ง SACICT มีแผนงานที่จะขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมกลุ่มประเทศที่กว้างขวางมากขึ้น และสำหรับประเทศที่มีความร่วมมือระหว่างกันแล้วก็จะขยายสู่งานหัตถศิลป์ในด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ SACICT ยังให้ความสำคัญของการพัฒนาต่อยอดให้สินค้าหัตถศิลป์เป็นที่ต้องการของตลาด ผ่านโครงการร่วมรังสรรค์ศิลปหัตถกรรม Craft Co-Creation เพื่อสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ให้สอดรับกับยุคปัจจุบันและเตรียมความพร้อม เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถแข่งขันได้ในอนาคต โดยเกิดจากการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ รวมถึงทักษะ การผลิต การหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรม อนุรักษ์และพัฒนาต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีมายาวนานของอาเซียนให้คงอยู่และสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและประชาคมโลกได้ อันจะสร้างความยั่งยืนในบริบททางวัฒนธรรมของอาเซียนต่อไป
