ชีวิตลิขิตเอง ‘คริส หอวัง’ เผยตัวตนสู่บทบาทหญิงแกร่งรอบด้าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/437268

ชีวิตลิขิตเอง ‘คริส หอวัง’ เผยตัวตนสู่บทบาทหญิงแกร่งรอบด้าน

วันอาทิตย์ ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562, 06.00 น.

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งวันวานภาพยนตร์ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ”ในวันนั้นโด่งดังเป็นพลุแตกทำให้ ชื่อของ “คริส หอวัง” ผู้รับบทบาทเป็น “เหมยลี่” นางเอกของเรื่องกลายเป็นที่รู้จักทั่วบ้านทั่วเมืองจน “คริส” ถึงกับเอ่ยว่านี่ “ถือเป็นความโชคดี” จากวันนั้นจนถึงวันนี้โอกาสต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาเปิดทางให้ “คริส” ได้พิสูจน์ตัวเอง ทั้งยังสะสมประสบการณ์ต่างๆ จนทำให้เธอก้าวขึ้นเป็นแถวหน้าของวงการบันเทิง แต่ความแรงของเธอไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เมื่อรายการดัง “เดอะเฟซไทยแลนด์” ทาบทามให้เธอเป็นเมนเทอร์ถึง 4 ซีซั่น โดยวันนี้เรารับเกียรติจาก “คริส หอวัง” มาเล่าเรื่องราวกว่าจะมีวันนี้พร้อมทั้งพูดคุยเกี่ยวผลงานละครเรื่องใหม่ล่าสุดของเธอ

“ที่ผ่านมาในชีวิตไม่น่าเชื่อว่า “คริส” จะทำอะไรได้เยอะขึ้นต้องขอบคุณประสบการณ์ที่สอนให้ “คริส” แกร่งตอนถ่ายภาพยนตร์ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” เสร็จปุ๊บ ! ถามว่าชีวิตเปลี่ยนมั้ย ก็ไม่เชิงมากมาย แต่มีอะไรที่เข้ามาในชีวิตเยอะขึ้น ก็จะมีคนติดต่ออยากลองให้เล่นดราม่า ลองไปเล่นตลก ทุกงานมันก็เป็นชิ้นส่วนใหม่ที่ประกอบเข้ามาในตัวคริสโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้หรือเปล่า ก็เป็นการเรียนรู้จากแรกเริ่มทีเดียว จนมาถึงทุกวันนี้ และทุกวันนี้ก็ยังเรียนรู้อยู่ เพราะเชื่ออยู่อย่างนั้น เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ ช่วงเวลา และเวลา เพราะการเรียนรู้ ไม่มีหมดสิ้นสุด”

ล่าสุดกับละคร ‘ด้ายแดง’ ?

“ละครเรื่องด้ายแดงก็เป็นงานที่เรียนรู้ใหม่ และหนักมาก คือมีอยู่ซีนหนึ่งที่คริสยืนอยู่ในซีน แต่ว่าไม่ได้มีบทพูดแต่เรื่องราว ที่คนในครอบครัว เขาพูดกันแบบนี้เหรอ เป็นเรื่องที่ โห!ขนาดนี้เลยนะ แล้วคริสดูพี่ธัญญ่าพี่ชาย พี่ป๋อ พี่นก-สินจัย เถียงกัน แล้ว พี่จอย-รินลณี พอคัตปุ๊บผู้กำกับเขาเดินมานี่ยัยคริสยืนอ้าปากหวอเลยนะ เธอดูละครในจอเลยนะ ก็ต้องขอโทษขอโพยกันไปคือแบบมันมาก คริสคงอ้าปากหวอจริงๆ เก่งมาก ซีนนั้นคริสจะต้องรับส่งอารมณ์ด้วยแหละแต่ว่าคงหลุดกับสายตาวิธีการเดินจังหวะการพูดของทุกคน ความละเอียด การเฉือนเชือดกันทางสายตาและอารมณ์ มันส่งไปหมดเลยนะเวลานั้นคริสเหมือนเด็กใหม่ที่ค่อยๆ เรียนรู้จากพวกเขา นักแสดงระดับฝีมือในการเล่นละคร”

ผู้จัด‘อ้อม-พิยดา’กับการกลับมารับงานละครในรอบ 2 ปี ?

“พี่อ้อมตั้งใจมาก คือคริสก็ต้องขอบคุณพี่อ้อมมากค่ะที่ให้ความไว้วางใจให้คริสมาเล่นละครเรื่องนี้ เพราะจริงๆ เป็นพี่อ้อมคือเรียกใครก็ได้ หลังจากตอบตกลงไปมันก็จะมีเรื่องย่อมาแล้วก็บทที่ทยอยมาให้อ่าน คือพอรับปากไปแล้วไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ จนมีครั้งนึงหนูบอกพี่อ้อมว่าพี่อ้อมถ้าหนูไม่ใช่ พี่เปลี่ยนตัวหนูได้นะหนูไม่ซีเรียสนะ พี่อ้อมก็บอกว่าจะบ้าเหรอไม่ได้เราต้องไปด้วยกัน คือมันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเขาอุตส่าห์เลือกหนู คือหน้าจีนมันก็หาง่ายนะไม่ได้ยาก หน้าไทยๆ ก็บอกว่าเป็นหมวยได้

อ่านบทแล้วรู้สึกอย่างไรกับตัวละคร?

ซูซี่เป็นคนที่ต้องเรียกว่าเป็นคนหัวฝรั่ง บ้านเขาเป็นคนฮ่องกงแต่เขารักกับหลงเหว่ยมานานมากโดยที่ไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่าหลงเหว่ยไม่เคยอยู่กับครอบครัวอยู่
แล้ว คือเขาก็อยู่ที่ฮ่องกงเหมือนกัน แต่วันนึงที่ต้องกลับมาแล้วเป็นแฟนกันมานานขนาดนั้นแล้ว เป็นแฟนกัน 10 ปีแล้วมั้ง จะให้ทิ้งเขาไปเฉยๆ ก็ไม่ได้ เราก็ตามเขากลับมา

วิวัฒนาการของตัวละครกับคริส

คริสว่า บทซูซี่ คนนี้เล่นยาก เพราะตัวคริสเองไม่ค่อยเข้าใจว่าในตัวบทละคร เขาต้องเถียงผู้ใหญ่รุนแรงขนาดนี้ด้วยน้ำเสียงนี้เหรอ ทุกคนก็พยายามบอกคริสว่า เพราะตัวละครเขาเป็นฝรั่งไงแล้วเราก็ไม่เข้าใจสุดๆ แต่นอกจอ คริสก็ยังมีความเป็นคนไทย ซึ่งถ้าจะให้คริสเปรียบเทียบไม่ได้เพราะนั่น คือตัวละคร ดังนั้นมันก็เลยต้องฉอดๆ ไปบางทีก็รู้สึกว่าได้เหรอ นี่พูดกับแม่สามีนะ

เขาก็ให้เหตุผลคริสมาดีค่ะว่าการที่ฉอดๆ พูดเสียงดังหรือว่าขึ้นเสียงมานี่ หนึ่งคือเราคิดว่ามันงี่เง่ามากก้าวขาผิดข้างไม่ให้ออกจากบ้านเลยขึ้นไปนอนไม่ให้ออกก็แบบขนาดนั้นเลยเหรอต้องออกไปทำธุระ ลูกในท้องของเธอเป็นกาลกิณีกับสามีแล้วทำไงเพราะว่าท้องแล้วก็สารพัดอย่างก็หวี๊ดขึ้นมาค่ะ เป็นนิยายที่ถามว่าน้ำเน่าไปไหม แต่คริสว่าชีวิตจริงมี คริสว่ามีจริงๆ ซึ่งโหดมากกว่านี้อีกก็ได้ ถ้าถามคริสเป็นซูซี่จะจัดการกับปัญหาอย่างไรก็คงทำเหมือนซูซี่ค่ะ จริงๆ เพราะว่าสิ่งที่ซูซี่โดนคืออยู่ไม่ได้ไม่ไหวจริงๆ แล้วชีวิตฉัน มันโหดมากทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้

ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้าง?

“ถามว่าตอนนี้แฮปปี้ไหม แฮปปี้มากค่ะ ก็ไม่รู้ว่าจะขออะไรอีกนอกจากให้มีคนรักและอยู่เคียงข้างกันไปตลอด มีครอบครัวที่เข้าใจและเป็นห่วงเป็นใยดีอย่างนี้ไปตลอด มีงานให้ทำ ในแบบที่มีความสุขอย่างนี้ นอกนั้นก็ดีมากแล้วค่ะ คือพอโตขึ้น ก็มองโลกว้างขึ้น ของที่เป็นซูเปอร์แบรนด์เนมหรือยี่ห้ออะไรมันก็จะลดน้อยลง แล้วมันก็จะมาขวนขวายความสุขอย่างอื่นมากกว่า ซึ่งมันเป็นเรื่องดีแต่ว่าถามว่าคริสทำได้ไหมในเรื่องของช็อปปิ้งก็ยังหยุดไม่ได้นะคะ ก็ช็อปแต่ว่าเหมือนเวลาจะซื้ออะไรก็คิดมากขึ้น

เส้นทางสายบันเทิงในอนาคต?

“ถามว่าจะทำไปเรื่อยๆ ไหม คริสก็เข้าใจนะคะว่าทุกคนมีขึ้นก็ต้องมีลง มีเด็กรุ่นใหม่เข้ามา แต่คริสก็ยังเอ็นจอยอยู่นะ ชอบนะเป็นพิธีกรเป็นมาสเตอร์เป็นโค้ช
เหมือนที่ทำรายการ Cuteboy คริสก็ชอบนะสนุกมากเลย ทำ Thailand got talent คริสก็สนุกมากอีกแบบ มันก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะเอ็นจอยงานของเรา หนูเรียนมาทางนี้ด้วยชอบดูโชว์ การแสดงไปอีก ตื่นเต้นมากเวลาดูโชว์ดูแล้วมีความสุข ไปถ่ายเลิกตี 2 นี่ไม่บ่นเลยเพราะว่าโชว์มันสนุกจริงๆ สำหรับงานๆ ในอนาคตยังตอบไม่ได้ว่าต่อไปจะเป็นอะไร อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คริสจะทำไปอีก 20 ปี คงต้องค้นหาตัวเองไปอีกเรื่อยๆ”

อยากทำอะไรอีก?

“คืออยากเป็นกรรมการ Thailand got talent นี่แหละค่ะ อยากจะเอาตัวเองไปอยู่ในฟิลของคอมเมนท์เตเตอร์ของมาสเตอร์ต่อไป เหมือนคริสเป็นครูมาด้วยมันก็จะชอบออกความคิดเห็นเก่ง งานอันอื่นๆ อย่าง CuteboyTV อาจดูเป็นรายการเด็กๆ จะมีปัญหาเรื่องช่วงวัยกันไหมตรงไหนที่คริสทำได้ก็ทำ ตรงไหนที่ดูไม่ใช่ก็ให้คิงกับโค้ชเป็นคนไปสอนแต่ว่าคริสเป็นคนบอกอีกทีว่าคริสอยากได้อะไร แล้วคริสก็ไปดูน้องๆ เขาตลอดซึ่งเขาก็อินนะ พยายามกันมากจริงๆ คริสเห็นตั้งแต่วันแรกๆก็รู้สึกว่าแบบนี่น้องทำอะไรกันอยู่เหรอคะ พวกพี่ไม่ได้มาถ่ายรายการเล่นๆ นะ น้องคิดว่าพวกพี่มาดูโชว์ไฮสคูล ประกวดร้องเพลงหลังเลิกเรียนเหรอไม่ใช่นะน้อง พวกพี่มีงานทำกันทุกคน เขาก็ยังไม่เข้าใจแต่ก็พยายามกันดีขึ้นจนวันนี้เขาก็จะเห็นแล้วว่ามันต้องใช้เวลา ต้องลองจริงๆได้เรียนรู้และปฏิบัติ ถึงจะรอด

แต่คริสก็ไม่ได้ชอบนะจริงๆ ถ้าเกิดว่าเห็นว่ามันจะเป็นแบบนี้มีผลกระทบกับความรู้สึกเรากับความคิดเราแบบนี้ก็อาจจะไม่ได้เล่น คริสว่า The Face มันทำให้รู้สึกว่าต้องแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ แล้วจำเป็นต้องแกร่งขนาดนี้ในชีวิตเลยไหม ต้องอยู่ให้ได้ต้อง fight แล้วจำเป็นจะต้องเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า แต่ทุกวันนี้คือเข้าใจโลกมากขึ้นแล้วว่าโชคดีแล้วที่ไม่ต้องขนาดนั้น

แต่ว่าคนอื่นกว่าเขาจะได้มาเขาต้องสู้กันขนาดไหน จริงๆ จาก The Face ก็เป็นบทเรียนให้คริสไปสอนคนอื่นอีกทีว่ามันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ น้องไม่ใช่ว่าจะนั่งเฉยๆ แล้วทุกอย่างหล่นมาให้น้องนะ you have to work for it มันก็จะเป็นบทเรียนให้คริส มันสอนคริสด้วยค่ะ และคริสก็เอาไปสอนคนอื่นได้ด้วย

ยามว่างทำอะไรบ้างกับชีวิต?

ตอนนี้ปล่อยปลากับถวายโลงศพทุกๆ วันที่ 5 ของทุกเดือนเพราะว่าเป็นวันเกิด คือตั้งใจอยากจะทำ และอีกอย่างที่ตั้งใจคือทุกวันที่ 5 ตั้งใจจะกินมังสวิรัติ แค่วันเดียวเองต่อเดือนอยากจะทำดูแต่ว่าปล่อยปลากับถวายโลงศพนี่จะทำได้นานแค่ไหน ตอนนี้ก็เข้าปีที่ 2 แล้ว ในเวลาว่างเราก็หาสถานที่พักผ่อน เพราะเรื่องของการพักผ่อน ว่างจากถ่ายละครไม่ได้เลย มีเวลานิดเดียวก็ขอละบินก่อนละจ้าไม่รอละ เพราะแต่ก่อนแรกๆ ที่ทำงานก็ยังไม่รู้สึกอะไรนะ พออยู่นาน ก็เริ่มรู้สึกได้ละว่า ถ้ามีเวลานิดฉันจะพักผ่อนด้วยการนอนหลับ ออกกำลังกาย หรือที่จะใช้เวลานิดคือ การท่องเที่ยว ชาร์จแบตบางคนจะรู้สึกว่าอาจจะเหนื่อยมากกว่าอยู่ปกติ แต่เรามองว่าถ้าได้สักนิด จะบินไปฮ่องกง จะบินไปเชียงใหม่ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีๆ แล้ว

สำหรับคริสคิดว่า จังหวะชีวิตของคนในยุคนี้ ?

“คริสว่า ต้องปรับเยอะเลย เพราะแต่ก่อน อาจจะยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่มาไม่กี่ปีหลังรู้สึกได้ทั้งกับตัวเอง และเพื่อนฝูง เลยทำให้รู้สึกว่าตัวเองจากชีวิตที่เดี๋ยวๆ เบื้องหน้าของคนทำงานบันเทิง เดี๋ยวถ่ายละคร, ทำงานอีเว้นท์, งานพิธีกร แล้วพอหมดจากตรงนั้น ก็ต้องกลับมาเป็นคริส คนเดิม ก็ต้องปรับจูนเข้าโหลดชีวิตปกติให้ได้ วางทุกอย่างลง ไม่นำมาใส่ในชีวิตตัวเอง ล่าสุดเพิ่งจะมีโอกาสไปพักผ่อนที่เชียงใหม่มา เจอกับเพื่อนๆ เขาก็มีความสุขกับการที่พอ ออกกำลังกายเสร็จ ก็ไปจิบชากาแฟ แล้วก็เรื่อยๆ เปื่อยๆ ไม่ต้องเร่งรีบ แล้วก็ไปทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ดูชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เชื่องช้าแต่เป็นจังหวะชีวิต คริสรู้สึกว่า ทุกคนควรต้องกลับมาเป็นแบบนั้นน่าจะดี ไม่ต้องรีบเร่ง ไม่ต้องแข่งกับเวลา ไม่ต้องแข่งกับใคร”

วันนี้ก็อยากจะฝากติดตามผลงานหลายๆ ชิ้นของตัวเองไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานราษฎร์ งานหลวง ก็ยังทำอยู่ และทำด้วยความเต็มใจ และตั้งใจเสมอ งานหนัง ก็ยังรับ แต่ด้วยตอนนี้ก็คงต้องเฟ้นบทเยอะขึ้น ละครก็มีมาเรื่อยๆ ส่วนงานพิธีกรก็ยังรับเสมอ

ยุทธนา นารี

Leave a comment