ระวัง ‘ปวดหลัง’ เรื้อรัง อาจลุกลาม สู่โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม แตก หรือ ปลิ้น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/421781

ระวัง ‘ปวดหลัง’ เรื้อรัง อาจลุกลาม สู่โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม แตก หรือ ปลิ้น

วันจันทร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562, 06.00 น.

โรคภัยไข้เจ็บถือเป็นของฟรีที่ไม่มีใครอยากได้ บางโรคมาเร็วไปเร็ว บางโรคเรื้อรังอยู่นาน ซึ่งแม้ไม่รุนแรงแต่อาจรบกวนชีวิตประจำวัน แต่หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามใหญ่โตได้ในที่สุดเช่น โรคปวดหลัง โรคที่ฟังดูธรรมดาแต่ก็เป็นกันมาก เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย หากปล่อยไว้อาจลุกลามไปสู่โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกสันหลังแตกหรือปลิ้นได้

นายแพทย์ภัทร โฆสานันท์  ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เฉพาะทางด้านโรคกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ว่า โรคปวดหลังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ หรือจากกระดูกข้อต่อของสันหลังเสื่อม ถ้าสาเหตุเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบ สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการรับประทานยาและทำกายภาพบำบัด สักพักอาการจะดีขึ้นจนหายเป็นปกติ แต่ถ้าสาเหตุมาจากกระดูกสันหลังเสื่อม ก็อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

อย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้นแล้วว่า โรคปวดหลังนี้ เป็นได้กับคนทุกเพศทุกวัยถ้าเกิดกับคนวัยหนุ่มสาวส่วนใหญ่สาเหตุจะมาจากการอักเสบของกล้ามเนื้อเป็นหลัก เช่น นั่งนานเกินไป นั่งผิดท่าไม่เปลี่ยนอิริยาบถ นั่งท่าเดิมซ้ำๆ นานๆ ยกของหนักเกินไป หักโหมเล่นกีฬาจนกล้ามเนื้ออักเสบ แต่หากปล่อยไว้จนเรื้อรังก็สามารถลุกลามไปสู่โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกสันหลังแตกหรือปลิ้นได้ หากไม่รักษาจะทำให้ชา สูญเสียความรู้สึก อ่อนแรง จนยกแขนขา ไม่ขึ้น กระดกเท้าไม่ได้

อีกทั้ง คนวัยหนุ่มสาวที่เล่นกีฬาผาดโผนแรงๆ เข้าฟิตเนส ออกกำลังกายผิดวิธี ยกเวทโดยไม่มีเทรนเนอร์คอยแนะนำ ก็อาจเป็นโรคนี้ได้ หรือผู้ที่ยกของหนักเกินกำลังบ่อยๆ คนนั่งทำงานนานๆ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ลุกเปลี่ยนท่า หรือรถติดนั่งขับนานๆ เกิน 2 ชั่วโมงก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ปัจจัยในเรื่องของอายุ ก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุโรคปวดหลัง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด กล่าวคือในผู้สูงวัยนั้น ตามธรรมชาติแล้วร่างกายก็ย่อมถดถอยเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ มวลกระดูกเสื่อม ทำงานได้ไม่เต็มร้อยเช่นวัยหนุ่มสาว แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยที่ดูแลตัวเองดีต่อเนื่อง ร่างกายก็จะแข็งแรง อาการปวดหลังก็อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามคนหนุ่มสาวที่ทำงานหนัก ใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วง มีวิถีชีวิตที่นั่งนานๆ ในการทำงาน ดูแล
ตัวเองไม่ดี ก็จะเกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม อาการปวดหลังหากปล่อยไว้ไม่รักษา ก็จะมีปัญหาต่อเนื่องไปยังโรคที่เกี่ยวเนื่องกับกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกเสื่อมได้ในอนาคต โดยในช่วงแรกร่างกายอาจมีกลไกป้องกันอยู่บ้าง แต่หากอากัปกิริยา ท่านั่งท่านอนไม่เปลี่ยน หรือยังคงใช้แรงมาก เช่น ยก ดึง เกินกำลัง เหล่านี้เป็นตัวทำให้ร่างกายกล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ในที่สุด

การผ่าตัด มักจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่แพทย์แนะนำ โดยเริ่มต้นรักษาจากการรับประทานยา การทำกายภาพ รวมถึงปรับพฤติกรรมการนั่ง นอน ให้ถูกต้อง ไม่ผิดท่าผิดทางเสียก่อน เพราะกระดูกสันหลังก็เหมือนโช้คอัพของรถ เมื่อโหลดเกินไปก็รับไม่ไหว โหลดเกินไปก็แตก ปลิ้น เสื่อมสภาพ จึงมาสู่การผ่าตัด เป็นลำดับขั้นของการรักษา

ทั้งนี้ คนทำงานที่ต้องนั่งนานๆ ควรลุกมาเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 45-50 นาที เช่น เดินยืดเส้นยืดสาย แล้วค่อยกลับไปนั่งทำงานต่อ เพื่อช่วยลดการเกร็งเครียดของกล้ามเนื้อ ให้กล้ามเนื้อได้ระบายความเครียดในตัวออกไปบ้าง หากจำเป็นต้องนั่งนานเกิน 1 ชั่วโมงขึ้นไป ควรเลือกเก้าอี้ที่มีคุณภาพ หาหมอนมาหนุนหลังให้หลังตรงเต็มพื้นที่เก้าอี้ ไม่งอหรือแอ่นหลังมากเกินไป เพื่อช่วยลดภาระของกระดูกสันหลัง นอกจากควรปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันเพื่อลดต้นเหตุของปัญหา อาทิ ไม่ยกของหนัก ไม่ก้มผิดท่า รวมถึงพยายามรักษาน้ำหนักอย่าให้อ้วนเกินไป เพราะความอ้วนถือเป็นส่วนหนึ่งของอาการปวดหลัง เนื่องจากร่างกายต้องแบกรับน้ำหนัก ทำให้กระดูกเสื่อมไวกว่าคนน้ำหนักปกติ อีกสาเหตุคือ การสูบบุหรี่จะทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมลง รวมทั้งสตรีในวัยหมดประจำเดือน กระดูกก็จะทรุด เปราะ แตก หัก เสื่อมได้เร็วเช่นกัน

การออกกำลังกายที่ดีที่สุด สำหรับคนเป็นโรคปวดหลังคือ การว่ายน้ำ เพราะแรงต้านของน้ำจะช่วยพยุงน้ำหนักไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ ลดแรงกระแทกลงได้ หรือกีฬาที่ไม่เน้นน้ำหนักหรือความรุนแรงมากนัก เช่น เดิน โยคะ ชี่กงไทเก๊ก เดินช้าต่อเนื่อง ดีกว่ารวดเร็วหนักหน่วง

ดังนั้น ควรรักษาสุขภาพควรเฝ้าสังเกตตัวเองว่า เวลาปวดหลังนั้นเป็นแค่การปวดหลังธรรมดา เป็นไม่กี่วันทายาแก้ปวดแล้วหาย หรือปวดหลังจากกิจกรรมบางอย่าง เช่น ออกกำลังมากเกินไป ออกกำลังผิดท่า ยกของหนัก แล้วจึงปวดหลัง แต่เพียง 4-5 วันก็หายถือว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ได้ไปทำกิจกรรมที่ผิดปกติใดๆ มา แต่อยู่ดีๆ ก็ปวดหลัง ทายานวดแล้ว กินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วไม่หายปวดเรื้อรังมาเป็นแรมเดือนไม่หาย ควรมาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของโรคเพื่อรักษาให้ตรงจุด ก่อนที่จะสายเกินไป

Leave a comment