ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/441134

ไส้เลื่อนอย่าปล่อยไว้ อันตรายกว่าที่คิด
โรคไส้เลื่อนไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ชายเท่านั้น แต่สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย หากเป็นแล้วควรรีบรักษา หากปล่อยทิ้งไว้ อาจเสี่ยงต่อภาวะลำไส้ตาย
นายแพทย์วีรยุทธ เอื้อวิเศษวงศ์ศัลยแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลเวชธานีเปิดเผยว่า ไส้เลื่อนคือภาวะที่ลำไส้เคลื่อนตัวออกมาจากตำแหน่งเดิม ทำให้เห็นเป็นลักษณะคล้ายก้อนตุง และมีอาการเจ็บโดยเฉพาะเวลาที่ก้มตัว ไอ หรือยกสิ่งของ บางรายอาจมีความผิดปกติที่ช่องท้อง รู้สึกแน่นท้อง หรือมีอาการปวดแสบปวดร้อน หากมีอาการไส้เลื่อนที่บริเวณกระบังลมอาจมีภาวะกรดไหลย้อน เจ็บหน้าอกหรือมีปัญหาในการกลืนร่วมด้วย หรือผู้ป่วยบางคนอาจไม่มีอาการใดๆ นอกจากอาการภายนอกเท่านั้น
สาเหตุของโรคเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนแอของเยื่อบุช่องท้อง, ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องตั้งแต่กำเนิด, ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุที่ช่องท้อง, การมีแรงดันภายในช่องท้องเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการยกของหนัก ไอหรือจามแรงๆ มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน การตั้งครรภ์ การเบ่งจากภาวะท้องผูก มีของเหลวอยู่ภายในช่องท้อง เช่น ภาวะท้องมาน รวมถึงเคยเป็นไส้เลื่อนหรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นไส้เลื่อน ตลอดจนผู้ป่วยที่มีอาการไอเรื้อรังจากสาเหตุต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่
ภาวะไส้เลื่อนสามารถแบ่งออกตามตำแหน่งการเกิดโรคได้ 3 ประเภท ได้แก่ 1.ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ เป็นภาวะไส้เลื่อนซึ่งเกิดจากความผิดปกติของผนังช่องท้องตั้งแต่กำเนิดหรือเกิดภายหลังก็ได้ โดยลำไส้เคลื่อนมาติดคาที่บริเวณขาหนีบหรือลงไปในถุงอัณฑะ โดยจะมาพร้อมกับอาการปวดหน่วงๆ หรือปวดแสบปวดร้อน และจะยิ่งปวดมากขึ้นหรือเห็นได้ชัดหากออกกำลังกาย ไอ จาม หรือออกแรงเบ่ง 2.ไส้เลื่อนบริเวณสะดือ คือภาวะที่ลำไส้เคลื่อนตัวออกมาตุงที่บริเวณกลางหน้าท้องทำให้เห็นลักษณะเป็นก้อนนูนบริเวณสะดือ 3.ไส้เลื่อนเนื่องจากการผ่าตัด เป็นภาวะไส้เลื่อนที่อาจเกิดขึ้นหากผู้ป่วยเคยได้รับการผ่าตัดที่บริเวณช่องท้อง ทำให้ผนังหน้าท้องเกิดความอ่อนแอ นอกจากนี้ยังมีภาวะไส้เลื่อนบริเวณอื่นๆ ที่สามารถพบได้เช่น ไส้เลื่อนบริเวณกะบังลม ไส้เลื่อนบริเวณหน้าท้องเหนือสะดือ หรือไส้เลื่อนบริเวณข้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง ซึ่งเกิดจากความอ่อนแอของผนังช่องท้องเช่นกัน
ทั้งนี้ ไส้เลื่อนสามารถป้องกันได้โดยการรักษาระดับแรงดันภายในช่องท้องให้เป็นปกติ และลดการเกร็งของกล้ามเนื้อที่บริเวณช่องท้อง ด้วยการควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อลดอาการท้องผูก ยกสิ่งของให้ถูกวิธี หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ไม่สูบบุหรี่ และควรพบแพทย์เมื่อมีอาการไอติดต่อกันผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม ไส้เลื่อนเป็นโรคที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด โดยเฉพาะไส้เลื่อนชนิดติดค้างควรได้รับการผ่าตัดเร่งด่วน หรือคนที่มีอาการท้องผูก อาเจียน ผนังหน้าท้องที่ไส้เลื่อนตุงออกมามีลักษณะแข็งจนไม่สามารถใช้มือกดลงไปได้ อาจเป็นสัญญาณว่าเลือดไม่ไหลเวียนไปเลี้ยงลำไส้ในบริเวณที่เป็นไส้เลื่อนได้ จนเกิดอาการบวมเสี่ยงต่อภาวะลำไส้ตาย ซึ่งจะต้องได้รับการผ่าตัดด่วนเช่นกัน ส่วนไส้เลื่อนชนิดอื่นๆ แพทย์อาจให้ยาประคองอาการระหว่างรอการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันสามารถผ่าตัดผ่านกล้อง ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ฟื้นตัวไว หากเป็นไส้เลื่อนที่ขาหนีบทั้งสองข้างก็สามารถผ่าพร้อมกันได้เลย ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันทีหลังการผ่าตัด และใช้ชีวิตได้ตามปกติภายในไม่กี่สัปดาห์