#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/461266

กรมชลฯส่งจนท.แจงสถานการณ์น้ำแล้ง
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาล่าสุดว่า มีปริมาณน้ำต้นทุนจาก 4 เขื่อนหลักได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รวมกัน 11,451 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯ รวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวม4,755 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 26 ของปริมาณน้ำที่ใช้การได้ นับว่าอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ทั้งนี้ กรมชลประทานจัดสรรน้ำต้นทุนที่มีอยู่ให้เพียงพอกับการอุปโภค บริโภคก่อนเป็นลำดับแรก 1,150 ล้านลบ.ม. ปล่อยน้ำลงแม่น้ำคูคลองเพื่อรักษาระบบนิเวศน์และผลักดันน้ำเค็ม 2,335 ล้านลบ.ม. ส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรต่อเนื่อง สวนผลไม้ ไม้ดอก 515 ล้านลบ.ม. ส่วนที่เหลืออีก 1,877 ล้านลบ.ม.สำรองไว้ต้นฤดูฝนหน้า กรณีฝนมาช้า มาน้อย หรือฝนทิ้งช่วง
ปริมาณน้ำต้นทุนของลุ่มเจ้าพระยาปีนี้จึงไม่พอปลูกข้าวนาปรัง กรมขอความร่วมมืองดปลูกข้าวนาปรังฤดูแล้งปี 2562/63 พร้อมลงพื้นที่สร้างความรับรู้และเสนอแนะแนวทางเลือกสร้างรายได้ หรือป้องกันกรณีเหตุการณ์น้ำน้อย อย่างไรก็ดี ปีนี้กรมชลประทานเตรียมพร้อมเครื่องจักรกล รถบรรทุกน้ำ รวมมากกว่า 2,000 หน่วย เพื่อเข้าปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ว และจะจ้างแรงงานเกษตรกรเพื่อชดเชยรายได้ควบคู่ไปด้วย ล่าสุดลงพื้นที่พบกลุ่มผู้ใช้น้ำและเกษตรกรจากอ่างเก็บน้ำกระเสียว จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันมีปริมาณน้ำต้นทุนที่ใช้การได้ฤดูแล้งนี้เพียง 22 ล้านลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทานโครงการกระเสียวมีมติให้สำรองน้ำ 20 ล้านลบ.ม. ไว้เพื่ออุปโภคบริโภค ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน2562-กรกฎาคม 2563
ผลจากการขอความร่วมมือกลุ่มผู้ใช้น้ำอ่างฯกระเสียวงดทำนาปีต่อเนื่องและนาปรังปี 2562/63 ได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ราษฎรเข้าใจให้ความร่วมมือประหยัดน้ำ จึงมั่นใจว่าจะมีน้ำใช้ไม่ขัดสนไปจนหมดหน้าแล้งแน่นอน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชลประทานยังจัดทำบันทึกชี้แจงสถานการณ์น้ำ จัดเวทีประชุมชุมชน เสียงตามสาย ป้ายประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อุทัยธานี และอยุธยา สร้างความรับรู้เข้าใจ และขอความร่วมมืองดทำนาปีและนาปรังต่อเนื่อง