ลูกเสือไทยใช้ปลาและปู สู้โควิด : อาทรจันทวิมล #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/557204

ลูกเสือไทยใช้ปลาและปู สู้โควิด : อาทรจันทวิมล

ลูกเสือไทยใช้ปลาและปู สู้โควิด : อาทรจันทวิมล

วันศุกร์ ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2564, 19.28 น.

คนไทยมีความเชื่อตามวัฒนธรรมไทยว่า การปล่อยนกปล่อยปลา และปล่อยสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าถือเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ ปลาเป็นอาหารหลักของคนไทยมานานหลายศตวรรษ   ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงเมื่อ 700 ปีก่อนระบุว่า “กรุงสุโขทัยนี้ดี  ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว”เมื่อไวรัสโควิดระบาดเข้ามา คนยากจนหรือว่างงานบางคนรอดชีวิตมาได้  ด้วยการหากุ้งหอยปูปลามาเป็นอาหารโดยไม่ต้องใช้เงินซื้อแต่ปัจจุบันนี้ ปลาและสัตว์น้ำในแหล่งน้ำต่างๆของไทยลดลงมาก  เนื่องจากคนหาปลาที่มากขึ้น อุปกรณ์หาปลาที่ทันสมัยและยาฆ่าหญ้ากำจัดแมลง

เมื่อ พ.ศ. 2560 ในช่วงพระราชพิธีพระบรมศพ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   มูลนิธิส่งเสริมการลูกเสือแห่งประเทศไทย  ศูนย์น้ำใจไมตรี และกรมประมง ได้ทำการปล่อยพันธุ์ปลากว่าล้านตัว รวมทั้งปลาบึกซึ่งเกือบจะสูญพันธุ์แล้ว ลงในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล  จังหวัดตาก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

เมื่อเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศเฮติใน พ.ศ. 2553 มูลนิธิส่งเสริมการลูกเสือแห่งประเทศไทยได้ส่งเงินจำนวน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อพ่อแม่พันธุ์และลูกปลานิลทิลาเปียจำนวน 100,000 ตัว ปล่อยลงสู่ทะเลสาบอะซูไฮ เพื่อเป็นอาหารของชาวเฮติที่ยากไร้ประสบภัย  โดยตอนแรกเตรียมจะส่งลูกปลานิลจิตรลดาทางเครื่องบินไปจากประเทศไทย   แต่เกิดปัญหาการขออนุญาตนำพันธุ์ปลามีชีวิตเข้าประเทศเฮติ จึงต้องเปลี่ยนแผนเป็นการส่งเงินไปซื้อปลาจากฟาร์มปลาในพื้นที่   แล้วจัดพยาบาลชาวเฮติผิวดำ แต่งกายด้วยชุดไทย เข้าร่วมพิธีปล่อยปลา

พ.ศ.2563 เมื่อโควิดเริ่มระบาด    ลูกเสือไทยในจังหวัดอุบลราชธานีใช้เงินบริจาค ซื้อลูกปลาหลายชนิดจากประมงจังหวัด นำไปปล่อยในเขื่อนสิรินธร  เพื่อสะสมอาหารไว้ในอ่างเก็บน้ำ  สำหรับเตรียมไว้ใช้ในกรณีการขาดแคลนอาหาร  เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

พ.ศ. 2564 เกิดโควิดระบาดหนักที่สมุทรสาคร คนไทยและแรงงานต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็น ชาวพม่า มอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ ลาว และเขมร ประสบความอดอยากเนื่องจากโรงงานปิดหรือลดการผลิต  มูลนิธิส่งเสริมการลูกเสือแห่งประเทศไทย ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในกรณีการปล่อยปลาที่ประเทศเฮติ และ เขื่อนภูมิพลมาประยุกต์ โดยศึกษาว่าควรจะปล่อยปลาอะไร ที่ไหน เพราะบริเวณเป้าหมายเป็นน้ำกร่อยและน้ำเค็ม  น้ำขึ้นลงไหลเชี่ยวตามระดับน้ำทะเล 

ตอนแรกเตรียมจะใช้ปลาสลิดที่เคยปล่อยแล้วได้ผลดี ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  แต่ทำไม่ได้ เพราะปลาสลิดนั้นต้องอยู่ในน้ำนิ่งเนื่องจากกินอาหารพวกแพลงตอนที่เกิดจากหญ้าหมักไม่เหมาะสำหรับบริเวณที่มีน้ำไหล ต่อจากนั้นได้พิจารณาปลาหมอ ซึ่งก็ใช้ไม่ได้อีกเพราะปลาหมอโดนน้ำเค็มแล้วจะตาย   เมื่อหันไปหากุ้งก้ามกรามและปลาที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงทั่วไปก็ไม่เหมาะสมเพราะหากินเองไม่เป็นและไม่รู้จักหลบเลี่ยงศัตรู เช่นปลาช่อน ปลาหมอ และเหี้ย  ปัญหาสำคัญอีกอย่างคือสภาพน้ำตามคลองต่างๆในสมุทรสาครนั้นมักจะเป็นน้ำเสียที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม และน้ำเค็มจากทะเล

ทางเลือกที่น่าสนใจคือ  ปลาสวาย  ปลาดุก และปลานิลจิตรลดา รุ่นเก่าตัวเล็ก  ที่จักรพรรดิญี่ปุ่นนำมาถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ เมื่อพ.ศ. 2508   แต่ตอนนี้หาพันธุ์ยากเนื่องจากชาวบ้านนิยมเลี้ยงปลานิลสมัยใหม่ เช่นของซีพี ที่พัฒนาพันธุ์ให้เหมาะต่อการทำหมันแปลงเพศ มีเนื้อมาก ตัวใหญ่ โตเร็ว แต่หนีศัตรูและหากินเองตามธรรมชาติไม่เป็น ต้องรอกินอาหารสำเร็จรูปอัดเม็ดจากโรงงาน   โดยตามธรรมชาติแล้วแม่ปลานิลจะอมไข่และลูกเล็กไว้ในปาก ดังนั้น ลูกปลาที่ไม่มีแม่ปลาคอยดูแลป้องภัยจึงมีอัตราการรอดน้อย     

จากการติดตามหาข้อมูลอย่างละเอียด พบว่ามีแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลานิลจิตรลดาสายพันธุ์ดั้งเดิมจากในวังสวนจิตรลดา อยู่ที่ศูนย์เพาะเลี้ยงของมูลนิธิชัยพัฒนาที่นครนายก  จึงได้ซื้อลูกปลาอายุ 30 วัน มา 50,000 ตัวนำมาเลี้ยงต่อราว 3 เดือน ที่วิทยาลัยประมงสมุทรสาคร ให้โตราว 10 ซม จึงจะปล่อยลงคลองและแม่น้ำ เพื่อให้ไปผสมพันธุ์ ออกไข่ออกลูกและให้มีแม่ปลาคอยดูแลป้องภัยให้ลูกปลาจากศัตรู

ลูกเสืออาชีวะจากวิทยาลัยประมงสมุทรสาคร สร้างกระชังปลาตามคลองต่างๆ เช่นคลองดำเนินสะดวก  คลองตาขำ  แล้วปล่อยปลาสวาย ปลานิล และปลาดุกลงไปเพื่อทดสอบว่าจะทนน้ำเสียในคลองได้หรือไม่  หากอยู่รอดได้ ก็จะปล่อยปลาขนาดใหญ่ตามลงไปอีก 1,000 ตัวเพื่อให้ไปออกลูกหลาน เป็นอาหารและรายได้ของชาวสมุทรสาครที่ประสบภัยโควิด

ศูนย์น้ำใจสู้ภัยโควิดวิเคราะห์ต่อไปว่า ปูทะเล และปูม้า เป็นสัตว์น้ำเค็มอีกอย่างหนึ่งที่สามารถออกลูกได้เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านที่ยากจนสามารถไปช้อนลูกปูขนาด 1 ซม.ตามคลองไปขายฟาร์มปูได้ตัวละ 1 บาท   จึงได้ใช้เงินบริจาคราว 30,000 บาท ซื้อปูทะเลขนาดใหญ่ที่ถูกมัดวางขายตามตลาดเตรียมไปฆ่าทำอาหารจำนวน 400 ตัว นำไปปล่อยที่ป่าชายเลน บริเวณศาลพันท้ายนรสิงห์  ตำบลโคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้ออกลูกหลานแพร่พันธุ์ต่อไป    และได้ซื้อพ่อแม่พันธุ์ปูไปสนับสนุนธนาคารปู ที่บางกระเจ้า สมุทรสาคร อีกด้วย                                    

การใช้ปลาปูสู้ภัยโควิดของคณะลูกเสือไทยในครั้งนี้  เป็นนวัตกรรมความคิดใหม่ในการต่อสู้โรคโควิดที่ไม่เคยได้รับรายงานจากประเทศอื่น  ป้องกันปัญหาการขาดแคลนอาหารของผู้ยากไร้ในภาวะวิกฤตซึ่งตรงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals  SDG) ที่สามารถนำไปขยายผลในประเทศต่างๆทั่วโลก   ตามหลักการของลูกเสือซึ่งริเริ่มโดยลอร์ด เบเดนโพเอล และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งแต่กว่าร้อยปีมาแล้วที่ว่า “ลูกเสือช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ”  “Scouts help other people at all times.” 

Leave a comment