#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/557527

เตือนชาวสวนมะปราง-มะยงชิด เฝ้าระวังโรค‘แอนแทรคโนส’
วันจันทร์ ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกมะปรางและมะยงชิดให้ระวังโรคแอนแทรคโนส ซึ่งจะสามารถพบโรคแอนแทรคโนสได้ในระยะติดผลจนถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต อาการบนใบ จะพบแผลรูปร่างไม่แน่นอน ขอบแผลชัดเจนสีน้ำตาลเข้ม กลางแผลสีน้ำตาลอ่อนบางใสกว่าเนื้อใบรอบๆ กรณีมีความชื้นสูง แผลที่เกิดบนใบอ่อนจะเพิ่มจำนวนขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนติดกันทั้งใบ ทำให้ใบบิดเบี้ยวหรือแห้งไหม้ หากรุนแรงจนถึงระยะออกดอก เชื้อราสาเหตุโรคจะเข้าทำลายช่อดอก โดยเห็นเป็นจุดสีน้ำตาลดำกระจายบนก้านดอก ทำให้ดอกเหี่ยว หลุดร่วง และไม่ติดผล อาการบนผลอ่อน จะพบผลอ่อนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำและร่วงหล่น เชื้อราสาเหตุโรคนี้สามารถแฝงอยู่ที่ผลอ่อนและไม่แสดงอาการของโรค แต่จะแสดงอาการเมื่อผลแก่ โดยพบจุดแผลสีดำเล็กๆต่อมาแผลจะขยายลุกลาม บริเวณแผลอาจพบรอยแตก ทำให้ผลเน่า
หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรคและกำจัดวัชพืชรอบโคนต้นแล้วนำไปทำลายทิ้งนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อราสาเหตุโรค ลดความชื้นในทรงพุ่ม และไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคในฤดูกาลผลิตต่อไป จากนั้น ให้ควบคุมปริมาณธาตุอาหารให้เหมาะสม ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป ส่วนแหล่งปลูกที่พบการระบาดของโรคเป็นประจำ ในช่วงที่ต้นแตกใบอ่อน เริ่มแทงช่อดอก และหลังติดผลอ่อน เกษตรกรควรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชสารแมนโคเซบ 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอะซอกซีสโตรบิน 25% เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารโพรคลอราซ 45% อีซี อัตรา 15 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 7-10 วัน หลีกเลี่ยงการพ่นสารในช่วงที่ดอกบาน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแมลงช่วยผสมเกสร และควรหยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างน้อย 7 วัน