ลดการเกิดอุบัติภัยร้ายแรงได้ด้วยสติสัมปชัญญะ และความร่วมมือของเราทุกคน #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/560342

ลดการเกิดอุบัติภัยร้ายแรงได้ด้วยสติสัมปชัญญะ และความร่วมมือของเราทุกคน

ลดการเกิดอุบัติภัยร้ายแรงได้ด้วยสติสัมปชัญญะ และความร่วมมือของเราทุกคน

วันเสาร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.

อุบัติเหตุคือสิ่งที่เกิดโดยไม่คาดคิด แต่เราสามารถลดอุบัติเหตุได้ด้วยการใส่ใจในความปลอดภัย และเราทุกคนคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุได้  

แนวหน้าวาไรตี้สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัยยอดมาลัย นำคุณไปสนทนากับ นายแพทย์พงศ์ธรเกียรติดำรงวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ในประเด็นการลดอุบัติเหตุต่างๆ ได้ด้วยตัวของเราทุกคน โดยการมีสติและการทำตามกฎระเบียบด้านรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด  

l เรียนถามคุณหมอว่าหน้าที่หลักของ สพฉ. คืออะไรครับ 

นพ.พงศ์ธร : หน้าที่หลักคือกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศให้ได้มาตรฐานสากล รับผิดชอบการบริหารจัดการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ในสภาวะฉุกเฉินและสนับสนุนส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศเข้ามาร่วมมีบทบาทบริหารจัดการการแพทย์ฉุกเฉิน โดยให้บริการแบบไม่เลือกปฏิบัติ โดยมีเป้าหมายคือลดการสูญเสียชีวิตของผู้ประสบเหตุฉุกเฉินทั้งปวง ต้นกำเนิดของการแพทย์ฉุกเฉินในบ้านเรามีมานานกว่า 80 ปีแล้ว โดยแรกๆ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาคเอกชนกับรัฐ จนกระทั่ง พ.ศ. 2551 มีพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉินโดยถือเอาวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงลงพระปรมาภิไธย ในพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นวันกำเนิดของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หากจะพูดให้เข้าใจง่ายที่สุดคือ เวลาประชาชนประสบอุบัติเหตุร้ายแรง หรือเกิดอาการเจ็บป่วยร้ายแรงกะทันหัน แล้วต้องเรียกรถพยาบาลเพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยไปสถานพยาบาล คนส่วนใหญ่จะเรียกใช้บริการรถพยาบาล งานของ สพฉ. คือควบคุมมาตรฐานรถพยาบาลและบุคลากรที่ให้บริการนำตัวผู้ป่วยจากสถานที่เกิดเหตุไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด และปลอดภัยที่สุด คือจะดูตั้งแต่จุดเกิดเหตุไปจนถึงมือบุคลากรทางการแพทย์ในสถานพยาบาล 

l ต้นเหตุสำคัญของการป่วย หรือบาดเจ็บรุนแรงฉุกเฉินในมนุษย์มีอะไรบ้างครับ 

นพ.พงศ์ธร : มีปัจจัยหลากหลายครับ เช่นการเจ็บป่วยโดยโรคร้ายเรื้อรัง โรคเฉียบพลันที่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ ตามมา เช่น รับประทานอาหารไม่สะอาดจนเกิดปัญหาอาหารเป็นพิษ หรือแพ้อาหารบางชนิด ซึ่งบางโรคอาจเกิดมาจากกรรมพันธุ์และการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เจ็บป่วย และอีกปัจจัยคือการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น กินอยู่หลับนอนถูกสุขอนามัยหรือไม่ สูบบุหรี่จัดไหม ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นประจำหรือไม่ พักผ่อนน้อยหรือไม่ใช้ชีวิตเสี่ยงภัยอันตรายมากน้อยแค่ไหน เหล่านี้คือปัจจัยสำคัญของการเจ็บป่วยและเกิดโรคภัยของมนุษย์ตามปกติการเกิดเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บฉุกเฉินก็มักมีต้นตอมาจากอุบัติเหตุ  

l จากสถิติการทำงานของ สพฉ. ระบุว่าผู้ใช้บริการของ สพฉ. เกิดมาจากสาเหตุใดมากเป็นอันดับหนึ่งครับ 

นพ.พงศ์ธร : ในภาพรวมเกิดจากการเจ็บป่วยมากกว่าอุบัติเหตุครับ แต่เมื่อพิจารณาในเชิงลึกพบว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตมากที่สุดคือกลุ่มที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงมากๆ จนเข้าขั้นวิกฤติครับ 

l ถ้าเช่นนั้นผมสรุปได้ไหมว่า ผู้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนเสียชีวิต เกิดมาจากการทำให้ตัวเองอยู่ในสภาวะเสี่ยงมากๆ  

นพ.พงศ์ธร : ก็มีส่วนสำคัญอยู่ครับ ทั้งนี้ สพฉ. ศึกษามาโดยตลอดว่าจะแก้ปัญหาการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรงได้อย่างไรบ้าง โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นกับกระทรวงสาธารณสุข และพยายามรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนตลอดเวลา เพราะเมื่อประชาชนตระหนักรู้ก็จะสามารถลดความสูญเสียเหล่านี้ได้มาก ตัวอย่างอุบัติเหตุจากการจราจร เราก็พยายามศึกษาในหลายแง่มุม เช่น พฤติกรรมผู้ขี่ยานพาหนะ สภาพผิวการจราจร และไฟส่องสว่างบนถนน สภาพรถยนต์และจักรยานยนต์ ตัวอย่างที่พบบ่อยๆ คือ เมาสุราแล้วขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ผิวการจราจรเป็นหลุมเป็นบ่อ ไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ ปัญหาไม้กั้นถนนในเส้นที่ตัดผ่านทางรถไฟ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้คนไทยเสียชีวิตในแต่ละวันสูงมาก และสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วย 

l ปัจจุบันบริการของ สพฉ. ผ่านเบอร์โทรศัพท์ 1669 ครอบคลุมทั่วประเทศไทยไหมครับ 

นพ.พงศ์ธร : ทั่วประเทศไทยครับ เรามีเครือข่ายกระจายทั่วประเทศ แม้ในเขตทุรกันดารห่างไกลมากๆ เรามีเครือข่ายรถพยาบาลหรือรถกู้ชีพที่นับว่ามีประสิทธิภาพมาก เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน และร่วมมือระหว่างส่วนกลางส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนท้องถิ่นทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มจิตอาสาในนามมูลนิธิการกุศลต่างๆ ทั่วประเทศ คนเหล่านี้เป็นตัวจักรกลสำคัญในการทำงานของ สพฉ. และเรามีบริการการแพทย์ฉุกเฉินทั่วประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนไทยมีจำนวนทั้งหมดประมาณ 70 ล้านคน ซึ่งไม่มีทางที่ สพฉ. จะให้บริการรถพยาบาลฉุกเฉินกับคนทุกคนในเวลาเดียวพร้อมๆ กันได้ แต่ผมมั่นใจว่า สพฉ. สามารถให้บริการได้ตามความจำเป็นที่เหมาะสม ดังนั้นหากใครก็ตามที่เรียกใช้บริการของ สพฉ. โดยไม่คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ก็ต้องขออนุญาตฝากให้ท่านช่วยคำนึงถึงหลักของความสมเหตุสมผลด้วยครับ ผมเรียนแจ้งว่าแม้ในเขตทุรกันดารที่ห่างไกลเมืองมากๆ เราก็เคยใช้อากาศยาน เช่นเฮลิคอปเตอร์เข้าไปให้บริการ แต่การบริการเช่นนี้ไม่สามารถทำได้โดยทันทีทันใด เพราะมีขั้นตอนการปฏิบัติที่เคร่งครัดมาก เช่นต้องขออนุมัติเส้นทางการบิน ต้องดูเรื่องที่จอด ทัศนวิสัย ความปลอดภัยการบิน อีกทั้งค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งสูงมาก แต่ถ้าจำเป็นมากจริงๆ เราก็ต้องใช้อากาศยานไปช่วยเหลือแต่มีสิ่งหนึ่งที่เราพยายามทำมาตลอดคือบริการการแพทย์ทางไกล โดยผ่านระบบสัญญาณไวไฟและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ดังนั้นผู้ที่ต้องการรับบริการฉุกเฉินที่อยู่ห่างไกลสามารถติดต่อกับเราด้วยระบบการสื่อสารทันสมัยได้ เช่น ญาติหรือตัวผู้ป่วยฉุกเฉินโทรศัพท์เข้าไปที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ หมายเลข 1669เจ้าหน้าที่จะประสานไปยังคุณหมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะโรคเพื่อให้คำแนะนำและช่วยเหลือเบื้องต้น โดยสื่อสารกับญาติผู้ประสบเหตุหรือกับตัวผู้ประสบเหตุโดยตรง ซึ่งช่วยลดการเสียชีวิตได้อย่างมากด้วยวิธีนี้ อันที่จริง สพฉ. ต้องการให้ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยสามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเฉพาะหน้าได้ด้วยตัวเองโดยผ่านคำแนะนำของเรา เพราะช่วยลดการเสียชีวิตได้อย่างแท้จริง แล้วจึงนำตัวไปรับการรักษาโดยเร็วต่อไป เช่น การกู้ชีพด้วยการปั๊มหัวใจที่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้คือความสำคัญและจำเป็นที่ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมกับ สพฉ. ขอย้ำว่าคุณทุกคนมีส่วนช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ หากคุณได้รับการฝึกอบรมที่ได้มาตรฐานแท้จริง สิ่งเหล่านี้ต้องผ่านการฝึกอบรม และฝึกปฏิบัติเป็นประจำเพื่อให้เกิดความชำนาญ และไม่ตื่นตกใจจนคุมสถานการณ์ไม่ได้เหมือนเช่นคนญี่ปุ่น และอินโดนีเซียฝึกอบรมคนของเขาเป็นประจำตลอดเวลาว่าเมื่อประสบเหตุแผ่นดินไหวต้องทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย เมื่อทุกคนได้รับการฝึกอบรมที่ได้มาตรฐานและลงมือปฏิบัติจริงเป็นประจำจะช่วยชีวิตตนเองและผู้อื่นได้อย่างแน่นอนเรื่องแบบนี้ต้องฝึกจริงๆ ไม่ใช่แค่การท่องไปเรื่อยๆเราต้องเน้นเรื่องการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติการจริงอย่างจริงจัง โดยต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ และทำอย่างต่อเนื่องให้ซึมลงไปในการรับรู้ของเราทุกคน ผมในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิของ สพฉ. ตั้งใจทำเรื่องนี้อย่างจริงจังครับ ยิ่งปัจจุบันระบบโทรคมนาคมการสื่อสารของเราดีมาก เราสามารถฝึกอบรมทางไกลโดยผ่านระบบออนไลน์สารพัดช่องทางได้ เราต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าเมื่อประสบภาวะคับขันจริงๆเราจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร และต้องช่วยเหลือผู้อื่นให้ถูกวิธีอย่างไร เราต้องอบรมสั่งสอนเด็กนักเรียน นักศึกษา พนักงาน แม้กระทั่งคนขับรถเมล์ รถแท็กซี่ด้วย เพราะคนกลุ่มนี้ต้องเจอะเจอผู้โดยสารทุกวัน และผู้โดยสารมีโอกาสประสบกับเหตุวิกฤติได้เสมอผมเน้นว่าต้องฝึกอบรมแบบ learning by doingจนความรู้ซึมเข้าไปในชีวิตจริง ผมขอเชิญชวนสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมเป็นเครือข่ายกับเราด้วยครับ สพฉ. ยินดีฝึกอบรมและให้ความรู้ เพื่อให้สังคมของเราปลอดภัยมากที่สุด ในฐานะแพทย์ฉุกเฉิน ผมเห็นว่าความเจ็บป่วยและการบาดเจ็บฉุกเฉินสามารถเกิดกับเราได้ทุกคน ถ้าเราประมาท แต่ผมก็มั่นใจว่าเราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ด้วยการมีสติ มีการฝึกอบรมที่ถูกต้อง และลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง เราทุกคนต้องรู้ว่าตัวเองมีโรคภัยไข้เจ็บประจำตัวด้วยโรคอะไร ต้องฝึกไว้เสมอๆ ว่าเมื่อตนเองประสบเหตุฉุกเฉินต้องทำอย่างไร ต้องมียาประจำตัวสำหรับใช้เมื่ออาการของโรคกำเริบ เราสามารถดูแลตัวเองในเบื้องต้นได้ อย่าหวังเพียงรอพึ่งบุคลากรทางการแพทย์ อย่าลืมว่าจำนวนแพทย์ของเรายังน้อยไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยอย่างแน่นอน ผมขอสนับสนุนให้คนไทยทุกคนลุกขึ้นมาร่วมกันรับผิดชอบสุขภาพอนามัยของตัวเอง เราต้องระลึกเสมอว่าเราทำให้เราปลอดภัยได้ และเราก็ต้องยอมรับด้วยว่าความเจ็บป่วยใดๆ และอุบัติใดๆ นั้น ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการกระทำของเราเอง เราต้องดูแลตัวเองให้เหมาะสม เพื่อลดการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ เราสามารถทำให้เรารอดพ้นจากโรคภัยและอุบัติเหตุได้ แม้ทุกวันนี้ประเทศไทยจะได้รับการยอมรับว่าให้บริการสาธารณสุขได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ผมก็ยังอยากให้เราทุกคนตระหนักว่าทรัพยากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขในบ้านเรายังมีขีดจำกัดมาก และเป็นทรัพยากรที่มีราคาแพงมาก เราต้องใช้งบประมาณจำนวนมากของประเทศมาสนับสนุนด้านการสาธารณสุข หลายคนไม่รู้ว่าต้นทุนด้านสาธารณสุขของเรามีราคาแพงกว่าที่ทุกคนจ่าย บางคนอาจจะนึกว่าตนเองจ่ายค่าบริการด้วยตัวเองเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องบอกว่าทุกการใช้จ่ายมีงบประมาณของประเทศเข้าไปแทรกอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เรารับบริการสาธารณสุข เราต้องใช้เงินภาษีอากรของประเทศด้วยทุกครั้ง แม้กระทั่งการใช้บริการของโรงพยาบาลเอกชนก็ตาม ฉะนั้นเราทุกคนต้องใช้ทรัพยากรด้านการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และวิธีที่ดีที่สุดคือระวังป้องกันและดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งทุกวันนี้คนไทยตื่นตัวในเรื่องนี้มากขึ้นแต่ก็อยากให้ทุกคนตื่นตัวมากกว่านี้อีก เพื่อสุขภาพโดยรวมของประเทศไทยของเรา ขอเรียนว่า สพฉ.ยินดีให้ความรู้เพื่อการมีสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน เรามีการสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ปฏิบัติได้จริง คุณๆ สามารถเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์ เฟซบุ๊คทวิตเตอร์ และยูทูบของ สพฉ. เราตั้งใจทำเพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายที่สุด และนำไปปฏิบัติได้จริงในเวลาที่แสนสั้น 

คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการแนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.30 น. ทางโทรทัศน์ TNN 2 ช่อง 784 ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube แนวหน้าวาไรตี้

Leave a comment