#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/560720

ชายคาพระพิรุณ : 22 มีนาคม 2564
วันจันทร์ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
ทราบมาว่าขณะนี้ ได้มีขบวนการของคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ลักลอบนำเข้าส้มโอจากเพื่อนบ้านหวังใช้เป็นทางผ่านขอใบ PC เบิกทางส่งออกไปประเทศที่ 3 โดยแอบลักลอบนำเข้ามาคัดบรรจุที่พิจิตรแล้วส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายเศรษฐกิจและส่งผลกระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอของจังหวัดพิจิตรกว่าพันราย แต่ทันทีที่เรื่องปรากฏนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ก็รีบเดินทางไปพบ นายรังสรรค์ ตันเจริญผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ถึงศาลากลางจังหวัดพิจิตรทันที เพื่อหารือวางแนวทางแก้ปัญหา โดยนายพิเชษฐ์ ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบแน่ใจแล้วว่าส้มโอจำนวนดังกล่าวไม่ใช่ส้มโอของไทยที่จะส่งออกต่างประเทศ แต่น่าจะเป็นส้มโอมาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ส่งเข้ามาประเทศไทย ซึ่งนำเข้ามาอย่างถูกต้อง เพียงแต่ว่าไม่ได้เอามาใช้จำหน่ายในประเทศไทย แต่นำเข้ามาเพื่อใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อส่งออกไปต่างประเทศอีกทอดหนึ่ง โดยพบว่ามีผู้ประกอบการจากจังหวัดพิจิตร ใช้โรงคัดบรรจุหรือล้งรับซื้อส้มโอร่วมกับผู้ส่งออกไปขอใบ PC (Phytosanitary Certificate) หรือใบรับรองสุขอนามัยพืชเพื่อประกอบการส่งออกไปต่างประเทศ จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรซึ่งเป็นหน่วยงานในพื้นที่ของกรมฯ เข้าตรวจสอบในโรงคัดบรรจุดังกล่าว ปรากฏว่าไม่น่าใช่ส้มโอจากประเทศไทย จึงสั่งระงับห้ามส่งออกและไม่ออกใบ PC ให้ จึงได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เพื่อวางมาตรการร่วมกันในการดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางปกครองและทางอาญาต่อไปโดยนายพิเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า ขณะนี้ได้รับรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า มีโรงคัดบรรจุหรือล้งไม่น้อยกว่า 5 แห่งที่ร่วมมือกับพ่อค้าส่งออกนำส้มโอจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมรอยเป็นส้มโอพิจิตร โดยสวมสิทธิ์ใบรับรอง GAP แล้วส่งออกไปประเทศที่ 3 หวังแค่ผลประโยชน์แต่ทำลายเศรษฐกิจของเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอของจ.พิจิตรที่มีมากถึง 1,037 ราย พลอยได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมดังกล่าว…เป็นเรื่องของความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของคน บางคนโดยแท้ ไม่คิดถึงผลกระทบระยะยาวหรือเห็นอกเห็นใจพี่น้องเกษตรกรชาวไทยด้วยกันเอาเสียเลย…
ด้าน นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ฝากชี้แจงกรณีที่มีสื่อมวลชนบางสำนักได้นำเสนอข่าวว่า ขณะนี้มีการเกิดโรคระบาดในสุกรในหลายพื้นที่ของประเทศไทย จนส่งผลให้ฟาร์มสุกรขนาดเล็กและกลางเร่งเทขายสุกร และทำให้ราคาสุกรตกต่ำ ซึ่งกรมปศุสัตว์ยืนยันว่า ปัจจุบันยังไม่พบการระบาดของโรค ASF ในประเทศไทยแต่อย่างใด และกรมปศุสัตว์ก็ได้มีการกำหนดมาตรการ อย่างเข้มงวด โดยการประเมินความเสี่ยงต่อโรคตามหลักการทางระบาดวิทยา ด้วยแอปพลิเคชั่น e-smart plus โดยใช้วิธี Spatial Multi – criteria decision Analysis ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการเฝ้าระวังโรคทั้งในเชิงรุกและเชิงรับในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นในฟาร์มสุกร โรงฆ่าสุกร สถานที่จำหน่ายเนื้อสุกร และสถานที่จำหน่ายอาหารสัตว์ รวมไปถึงการเคลื่อนย้ายสุกร/หมูป่าที่มีชีวิตและซากทั้งการเคลื่อนย้ายภายในประเทศ ระหว่างประเทศหรือการลักลอบเคลื่อนย้ายทุกกรณีอย่างเข้มงวดหากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ (สคบ.) กรมปศุสัตว์ หรือ call center 063-225-6888 หรือแจ้งผ่านแอปพลิเคชั่น DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา
ขุนเกษตรา