#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/561780

สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : ได้ฤกษ์ติดอาวุธให้ผู้ใช้น้ำรากหญ้า
วันศุกร์ ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ถือเป็นกลไกใหม่ในประวัติศาสตร์สำหรับการบริหารจัดการทรัพยาน้ำของประเทศ แต่จะให้เกิดผลเป็นรูปธรรมนั้น จะต้องมีการออกกฎหมายลำดับรองหรือกฎหมายลูกรองรับด้วย ถึงจะสามารถผลักดันเป้าประสงค์ของ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำดังกล่าวให้เป็นจริงได้
กฎกระทรวงองค์กรผู้ใช้น้ำ เป็นหนึ่งในกฎหมายลำดับรองที่ขณะนี้มีผลบังคับใช้แล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการให้ประชาชนผู้ใช้น้ำเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการมีส่วนช่วยให้การพัฒนาทรัพยากรน้ำของประเทศมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ สทนช.หรือสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้จัดเสวนาเรื่อง “องค์กรผู้ใช้น้ำ” สร้างการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมิติใหม่ ขึ้นมา
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า การจัดเสวนาดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้ความรู้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตัวแทนผู้ใช้น้ำ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ภาคเกษตรกรรม ภาคพาณิชยกรรมและภาคอุตสาหกรรม ได้ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญขององค์กรผู้ใช้น้ำ ในการสร้างการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมิติใหม่ในอนาคต
นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการจดทะเบียนจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ ทั้งคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าร่วมเป็นองค์ผู้ใช้น้ำ ขั้นตอนกระบวนการและวิธีการต่างๆ ในการยื่นขอรับรองความเป็นองค์กรผู้ใช้น้ำ
วันที่ 1 เมษายน 2564 นี้ สทนช.ก็จะสามารถประกาศขึ้นทะเบียนองค์กรผู้ใช้น้ำได้
สำหรับองค์กรผู้ใช้น้ำที่จะขอขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำนั้น จะต้องมีสมาชิกเป็นผู้ใช้น้ำบริเวณใกล้เคียงกันและอยู่ในเขตลุ่มน้ำเดียวกันตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป เพื่อประโยชน์ร่วมกันเกี่ยวกับการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในหมู่สมาชิกขององค์กรผู้ใช้น้ำ
“องค์กรผู้ใช้น้ำจะมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ เพราะองค์กรผู้ใ่ช้น้ำจะเข้าใจปัญหาน้ำและแนวทางแก้ไขในแต่ละพื้นที่ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง” เลขาธิการ สทนช.กล่าว
นอกจากนี้องค์กรผู้ใช้น้ำ จะเป็นช่องทางสำคัญในการออกเสียง เสนอแนะ แสดงความคิดเห็น สะท้อนปัญหาที่แท้จริงจากพื้นที่ และนำเสนอโครงการต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อชุมชนสู่คณะกรรมการลุ่มน้ำได้โดยตรง ตลอดจนร่วมกันหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูล ไกล่เกลี่ย แก้ปัญหาร่วมกัน กรณีเกิดข้อขัดแย้งระหว่างพื้นที่ลุ่มน้ำ
ทั้งนี้พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 มีจัดแบ่งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำไว้ 3 ระดับได้แก่ ระดับชาติ คือ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ระดับลุ่มน้ำ คือ คณะกรรมการลุ่มน้ำและระดับพื้นที่ คือ องค์กรผู้ใช้น้ำ ซึ่งตัวแทนขององค์กรผู้ใช้น้ำจะเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการลุ่มน้ำ และตัวแทนของคณะกรรมการลุ่มน้ำก็จะถูกคัดเลือกเข้าไปเป็นกรรมการใน กนช.
ในการเสวนาในครั้งนี้ ได้มีตัวแทนจาก ภาคเกษตรกรรม ภาคพาณิชยกรรม และภาคอุตสาหกรรม เข้าร่วมเสวนา ต่างกันเห็นด้วยที่จะขอยื่นขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรผู้ใช้น้ำ เพราะได้เล็งเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับน้ำในระดับรากหญ้าหรือระดับพื้นที่ ที่จะถูกสะท้อนขึ้นไปสู่ระดับกรรมการลุ่มน้ำและระดับชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม
ปัจจุบันแม้หน่วยงานด้านน้ำหลายหน่วยงานมีการจัดตั้งองค์กรหรือกลุ่มผู้ใช้น้ำขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำพ.ศ.2561 และยังมีไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ดังนั้นถ้าภาคประชาชนหรือระดับรากหญ้าอยากจะติดอาวุธแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่
ควรจะรีบมายื่นขอจดทะเบียนเป็นองค์กรผู้ใช้น้ำได้ที่ twuo.onwr.go.th หรือที่ สำนักงาน สทนช.ทั่วประเทศ
รัฐศักดิ์ พลสิงห์