#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/565126

โควิดระบาดใหญ่ในเบลเยี่ยม : อาทร จันทวิมล
วันอาทิตย์ ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564, 07.30 น.
เบลเยี่ยมเป็นประเทศเล็กๆในยุโรปประชากร 11.5 ล้านคน ที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิดเป็นจำนวนมาก ทั้งๆที่มีโรงงานผลิตวัคซีนโควิดที่ทันสมัยระดับโลกหลายแห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อโควิดในเบลเยี่ยม 902,694คน เพิ่มขึ้นใน 24 ชม 1,968 คน เสียชีวิต 23,202 คน เพิ่มขึ้น 33 คนใน 24 ชม. อัตราการเสียชีวิต 1,995 คนต่อประชากรล้านคน ซึ่งมากเป็นที่ 2 ของโลกรองจากสาธารณรัฐเชค 2,355 คน (6 เม.ย. 64)
พบผู้ติดเชื้อโควิดรายแรกในเบลเยี่ยมเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2563 จากคนเบลเยี่ยมที่อพยพกลับจากอู่ฮั่น ต่อมาติดจากคนเบลเยี่ยมที่กลับจากการเล่นสกีที่อิตาลี มีการปิดร้านที่มิใช่ร้านอาหาร ปิดเมืองล้อคดาวน์ให้คนอยู่กับบ้าน ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2563 พบการติดเชื้อโควิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียรโดเอล ตำรวจเบลเยี่ยมใช้โดรนตรวจสวนสาธารณะ แล้วจับปรับคนที่ไม่เว้นระยะห่างทางสังคม 1.50 เมตร ตั้งจุดตรวจที่พรมแดน ลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส และ เนเธอร์แลนด์ โดยอนุญาตเฉพาะให้คนที่จำเป็นผ่านเข้าประเทศเบลเยี่ยม
1.นักการเมืองขัดแย้งทะเลาะกันเอง เนื่องจากนักการเมืองเบลเยี่ยมพวกที่พูดภาษาฝรั่งเศสกับภาษาเนเธอร์แลนด์ เกิดความขัดแย้งกันถึงมาตรการป้องกันโควิดและความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลที่มี นายซอฟี วิลแมส นายกรัฐมนตรีตัดสินใจได้ช้า กว่าจะออกมาตรการปิดเมืองปิดพรมแดนได้ เชื้อโควิดก็ระบาดไปทั่วประเทศ จนยากจะป้องกันได้แล้ว
2.ความหนาแน่นของประชากร เบลเยี่ยมเป็นประเทศเล็กที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงกว่าเยอรมนี และฝรั่งเศส ทำให้การเว้นระยะห่างทางสังคมทำได้ยาก
3.การผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองเร็วเกินไป รีบเปิดร้านค้า และโรงเรียน ทำให้เชื้อโควิดที่แฝงตัวอยู่ในผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ
4.คนเสียชีวิตมากในบ้านพักผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุชาวเบลเยี่ยมนิยมไปอยู่ในบ้านพักคนชรา แต่พนักงานส่วนใหญ่ในบ้านพักคนชราต่างๆกว่า 500 แห่ง ไม่พร้อมในการรับมือกับโควิด โดยไม่มีหน้ากาก หรือ ชุด PPE เพียงพอ ไม่ได้กวดขันตรวจคนเข้าออก จนมีคนหนุ่มที่ติดเชื้อโควิดแต่งกายเป็นแซนตาคลอสเข้าไปเยี่ยมคนชราในวันคริสตมาส และไม่สามารถส่งคนชราที่ติดเชื้อโควิดไปกักตัวที่อื่นได้ ทำให้เชื้อโควิดระบาดในบ้านคนชราต่างๆ อย่างรวดเร็ว
5.การไม่ปิดเมืองของประเทศข้างเคียง คนเบลเยี่ยมสามารถข้ามแดนไปซื้อของในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ ทำให้มาตรการปิดร้านของเบลเยี่ยมไม่ได้ผล ต่อมาเบลเยี่ยมยกเลิกการปิดเมือง เปิดร้านอาหารและเปิดโรงเรียนทำให้คนติดเชื้อเพิ่ม
6.หน้ากากอนามัย เครื่องช่วยหายใจ และชุดตรวจเชื้อโควิดขาดแคลน เพราะไม่ได้เตรียมการผลิตหรือซื้อเก็บไว้ล่วงหน้า ทำให้ต้องสั่งซื้อหน้ากากและขอบริจาคจากประเทศจีน การไม่บังคับให้ใช้หน้ากากอนามัยในย่านสาธารณะทำให้การระบาดแพร่ไปอย่างรวดเร็ว
7.เจ้าหน้าที่สาธารณสุขการแพทย์ขาดแคลน ต้องอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อโควิด กลับมาดูแลผู้ป่วยได้
8.การจัดงานใหญ่ที่มีคนไปร่วมงานจำนวนมาก เช่น งานแสดงดนตรีที่มีคนไปร่วมงานกว่า 2,000 คน ทั้งๆที่ฝ่าฝืนคำสั่งของทางการ จนต้องใช้ตำรวจปราบจลาจลฉีดน้ำเข้าใส่ ทำให้เชื้อโควิดระบาดไปในวงกว้าง
9.คนป่วยล้นโรงพยาบาลในกรุงบรัสเซล จนต้องย้ายผู้ป่วยไปอยู่ในเมืองอื่น และส่งผู้ป่วยหนักไปรักษาที่เยอรมนี
10.การอยู่ใกล้กับประเทศที่ติดโควิดมาก เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ทำให้คนติดเชื้อข้ามพรมแดนไปมาจนหาต้นตอของการระบาดไม่พบ
11.การไม่นิยมใช้หน้ากากอนามัยของคนยุโรป เพราะจะถูกมองว่าเป็นคนป่วย เป็นพาหะนำโรค
12.การกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ที่เข้ามาระบาดในเบลเยี่ยมทำให้ยาที่เคยใช้มาก่อน ได้ผลน้อยลง