ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จับมือ สธ.และอย. นำเข้าวัคซีนโควิดทางเลือก ‘ซิโนฟาร์ม’ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนทุกระดับ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/576688

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จับมือ สธ.และอย.  นำเข้าวัคซีนโควิดทางเลือก‘ซิโนฟาร์ม’  เพิ่มโอกาสการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนทุกระดับ

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จับมือ สธ.และอย. นำเข้าวัคซีนโควิดทางเลือก‘ซิโนฟาร์ม’ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนทุกระดับ

วันจันทร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จับมือ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นำเข้าวัคซีนโควิดทางเลือก“ซิโนฟาร์ม” เพิ่มโอกาสการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนทุกระดับและได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็วที่สุด โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญตามพระราชปณิธานใน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีกรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แถลงข่าวบูรณาการความร่วมมือนำเข้าวัคซีนโควิดทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา และพลอากาศตรี นายแพทย์สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้อง CAT Auditorium อาคารสโมสร ชั้น 2 อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ

ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. 2559 และขึ้นตรงกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นความสำคัญในการบริหารจัดการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนแบบบูรณาการ เพื่อให้การควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยก่อนหน้านี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้รับความเห็นชอบจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เป็นตัวแทนของรัฐบาลประเทศไทยในการจัดหาและนำเข้าวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงและได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็วที่สุดซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อประเทศชาติ

สำหรับความร่วมมือการนำเข้าวัคซีนโควิดทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” ระหว่างราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม สนับสนุน และประสานความร่วมมือเพื่อให้การกระจายวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างทั่วถึง โดย ณ ขณะนี้วัคซีน“ซิโนฟาร์ม” ซึ่งเป็นวัคซีนที่องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้ให้การรับรองแล้ว และบริษัทไบโอจีนีเทค จำกัด ได้ยื่นเอกสารครบถ้วนและอยู่ระหว่างการประเมินคำขอขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อได้รับการอนุมัติ ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะสามารถดำเนินการนำเข้าและบริหารจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มโดยหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการกระจายวัคซีนให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจจะจัดซื้อพร้อมประกันวัคซีน ซึ่งจะมีการกำหนดราคาขายราคาเดียวกันทั่วประเทศต่อไป

“วัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) มีชื่อทางการว่า “BBIBP-CorV” เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated vaccine) เช่นเดียวกับ ซิโนแวค และ โควาซิน เป็นวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถฉีดได้ตั้งแต่กลุ่มผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยไม่มีข้อบ่งชี้ที่จำกัดเรื่องอายุ “ซิโนฟาร์ม” ถูกนำมาใช้กว่า 65 ล้านโดส ในประเทศจีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปากีสถานฮังการี และเป็นวัคซีนชนิดแรกที่พัฒนาโดยประเทศที่ไม่ใช่ชาติตะวันตก ที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินจาก WHO เป็นรายที่ 6 โดย “ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส”ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ระบุว่า วัคซีนซิโนฟาร์ม มีประสิทธิภาพ 79% สำหรับกลุ่มผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จัดเก็บง่าย ไม่ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำมากเหมือนวัคซีนอื่นนอกจากนี้ ยังมีแถบตรวจสอบบนขวดซึ่งเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิความร้อน จึงสังเกตได้ง่ายว่าวัคซีนปลอดภัยและใช้งานได้หรือไม่” นายแพทย์นิธิ กล่าว

นายแพทย์นิธิ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของภารกิจการจัดหาวัคซีนทางเลือกในสถานการณ์การแพร่ระบาดฉุกเฉินนี้ อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายตามพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ไม่ได้มีการเพิ่มอำนาจจนเกินกว่ากฎหมายเดิมแต่อย่างใด และการผลิตนำเข้ารวมทั้งการให้อนุญาตเรื่องเวชภัณฑ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินนี้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขแก่ประชาชน ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือ ผู้ยากไร้ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ตามพระราชปณิธานใน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และเมื่อวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยสามารถผลิตและใช้ได้อย่างเพียงพอ ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็จะค่อยๆ ลดบทบาทในการจัดสรรปริมาณวัคซีนตัวเลือกนี้ลง เช่นเดียวกับ ยา และเวชภัณฑ์อื่นๆ ที่สามารถผลิตได้ในประเทศเช่นกัน

ด้าน นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สำหรับวัคซีนซิโนฟาร์ม เป็นวัคซีนตัวที่ 5 ที่ อย. ได้อนุมัติขึ้นทะเบียน ซึ่งใช้เวลารวดเร็วเนื่องจากทางบริษัทได้ยื่นข้อมูลเอกสารการวิจัยต่างๆ อย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นเอกสารเดียวกับที่ยื่นต่อองค์การอนามัยโลก โดยวัคซีนดังกล่าวผลิตที่ปักกิ่งเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จะต้องทำการฉีด จำนวน 2 โดส ห่างกัน 21-28 วัน โดยยืนยันว่า มีความปลอดภัยกับประชาชน มีคุณภาพและประสิทธิผลที่เชื่อถือได้แน่นอน

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีว่า หลังจากที่ทราบว่าทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีการเจรจาตกลงกับบริษัทผู้ที่ยื่นขอจดทะเบียนวัคซีนทางเลือก ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับประชาชนที่จะมีทางเลือกมากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนราชวิทยาลัยอย่างเต็มที่ในทุกเรื่อง เพราะวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนทางเลือก ดังนั้นหากจะมีการติดต่อซื้อขายวัคซีนระหว่างราชวิทยาลัยกับหน่วยงานใด ทางกระทรวงก็ไม่มีข้อขัดข้องใดๆ

สำหรับความร่วมมือระหว่างราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กับกระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการนำเข้าวัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” เป็นการทำงานคู่ขนานกันเพื่อช่วยเหลือให้การกระจายวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง สร้างมาตรฐานความปลอดภัย และเพิ่มขีดความสามารถที่จะช่วยเหลือให้ประชาชนทุกระดับได้กลับไปดำเนินชีวิตวิถีใหม่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

Leave a comment