หนังชนโรง : คุยกับพระเอก ‘มีน-พีรวิชญ์’ นั่งแท่นผู้กำกับครั้งแรก #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/577190

หนังชนโรง : คุยกับพระเอก ‘มีน-พีรวิชญ์’  นั่งแท่นผู้กำกับครั้งแรก

หนังชนโรง : คุยกับพระเอก ‘มีน-พีรวิชญ์’ นั่งแท่นผู้กำกับครั้งแรก

วันพุธ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.

เป็นอีกก้าวสำคัญของนักแสดงหนุ่มหล่อสุดฮอต “มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร” จากบ้าน Ultimate Troop กับการทำงาน เบื้องหลัง ในโปรเจกท์มินิซีรี่ส์ “หนังสือรุ่น The Yearbook” ซึ่งจะพาคุณย้อนเวลาไปสู่ช่วงปี พ.ศ.2545 กับเรื่องราวความน่ารัก มิตรภาพ ความฝัน คำสัญญาของ 2 เพื่อนสนิท “นัท-ภพ”ที่มีอันให้ต้องจากลา ก่อน 4 ปีผ่านไป หนังสือรุ่นจะทำให้ทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง 

โดยงานนี้นอกจากหนุ่มมีนจะรั้งตำแหน่ง Exclusive Producer ร่วมกับนักแสดงหนุ่ม “พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล” จากภาพยนตร์เรื่องดัง “รักแห่งสยาม” แล้ว ยังควบบทบาทผู้กำกับทุ่มประสบการณ์ทั้งจากงานแสดงและการเรียนในสาขาภาพยนตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด 

ซึ่ง มีน เผยว่า “ก็ยังไม่ใช่ผู้กำกับเต็มตัวขนาดนั้น (หัวเราะ) ถือว่ากำกับร่วมตอนอยู่หน้ามอนิเตอร์ เพราะว่าจะมีพี่สนุ๊กที่เป็นต้นเรื่อง กับครูลูกแก้วแอ๊กติ้งโค้ชคอยดูเรื่องการแสดงอยู่แล้ว ผมกับพี่เบ้น ผู้กำกับอีกคนจะเน้นไปที่การเล่าเรื่อง ภาพ มุมกล้อง แสง มากกว่า ก็สนุกดีได้ร่วมกันแชร์ไอเดียได้ทำอะไรใหม่ๆ”

เรื่องนี้แฝงอะไรหลายๆ อย่างไว้ด้วย ตั้งแต่โปสเตอร์เลย

“ถ้าใครได้ดูจะเห็นว่าโปสเตอร์จะเล่าผ่าน โทนภาพ ฟิล์ม แสง หรือสีเสื้อของนักแสดงที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก ถ้าสังเกตในงานของเราดีๆ เราใส่สัญญะไว้แทบจะทุกภาพ อย่างตัวละครจะมีตัวละครนึงสีโทนเย็น อีกตัวละครสีโทนอุ่นและจะมีโปสเตอร์นึงที่ตัวละคร กำลังเดินตรงรางรถไฟ มีตัวละครนึงที่ใส่เสื้อสีโทนเย็นตามอีกตัวละคร จริงๆ มันคืออารมณ์ไขว้เขวของตัวละคร และรางรถไฟที่คดไป-มามันคือเส้นทางที่ตัวละครต้องเลือก ความสับสนของเด็กในยุคนั้นจนอาจจะเป็นทางแยกนี่ขนาดแค่โปสเตอร์ก็แฝงสัญญะนะครับ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ต้องซีเรียสดูเอาสนุกๆดีกว่าครับ เห็นก็ถือว่าเป็นโบนัส อยากให้ทุกคนได้ตีความหมายจากภาพครับ”

ทำไม? ต้องเป็นยุค 2000 ตอนต้น

“เราคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่มีเสน่ห์ มีช่วงเวลาความรักที่ยากกว่าปัจจุบันมาก  ยากที่จะเจอกัน ยากที่จะติดต่อ ยากที่จะตามหา หรือแม้กระทั่งยากที่จะรู้ใจตัวเอง เลยรู้สึกว่าอยากดึงเสน่ห์และกลิ่นอายอะไรเหล่านี้มานำเสนอในซีรี่ส์เรื่องนี้  อีกอย่างยุคนั้นเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนถ่ายทางเทคโนโลยี เช่น เพจเจอร์มาเป็นมือถือ มีแชท MSN ผมว่ามันมีเสน่ห์ของมันนะ เชื่อว่าคนที่อยู่ในยุค พ.ศ. นั้นต้องคิดถึงกันแน่ๆ ถ้าได้ดูซีรี่ส์เรื่องนี้ อีกอย่างความคิดของคนในยุคนั้นก็เริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกันดูได้จากตัวละครในเรื่องที่จะมีความคิดต่างกันตามแนวคิดที่เปลี่ยนไป”

ความแตกต่างซีรี่ส์เรื่องนี้กับเรื่องอื่น 

“มีนว่าความต่างคือเรื่องนี้ค่อนข้างเรียลแต่มีความน่ารักของยุค 2000 ตอนต้น อาจเพราะงบจำกัดมาก (หัวเราะ) อีกอย่างคือซีรี่ส์เรื่องนี้มันถูกเริ่มต้นมาจากความเป็นหนัง คนดูน่าจะได้เห็นการเล่าเรื่อง ภาพ หรือการถ่ายทอดแบบภาพยนตร์ด้วย”

ได้ยินมาว่า ต้องทำงานภายใต้งบประมาณจำกัด

“เอาเป็นว่ารู้แล้วจะตกใจ เรื่องนี้ลงทุนไม่ถึงล้านครับ กับซีรี่ส์ 8 ตอน ถือว่าน้อยมากๆ แต่เราโชคดีครับ เราได้ทีมดี ได้พี่ๆ น้องๆ มาช่วยเหลือด้าน production ต่างๆ ได้แอ๊กติ้งโค้ชอย่างครูลูกแก้วมาช่วยก่อนถ่ายทำและระหว่างถ่ายทำด้วย มีพี่พิชมาช่วยเสริมตั้งแต่ประชุมบท เราเตรียมงานค่อนข้างมาก เพื่อให้ตอนถ่ายทำไม่พลาดจะได้ไม่เกินงบที่ตั้งไว้ครับ ถ้าไม่ได้ทีม
ที่ดีมาช่วยนี่ยากแน่ๆ”

กลัวการเปรียบเทียบกับซีรี่ส์ชายรักชายเรื่องอื่นๆ ไหม

“การเปรียบเทียบมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เลยไม่ได้กลัวขนาดนั้น แล้วก็บอกทุกคนตลอดว่างานที่เราทำมันอาจจะไม่ใช่งานแนวที่นิยมทั่วไปในตลาดขนาดนั้น ก็น่าจะคลายความกดดันได้บ้าง ผมว่าการเปรียบเทียบทำให้เราได้เปิดมุมมองและพัฒนาผลงานต่อไปด้วยครับ”

อยากฝากอะไรกับคนดูซีรี่ส์เรื่องนี้ 

“อยากชวนทุกคนมาดูกันเยอะๆ ครับ งานนี้เราทุ่มเทเต็มที่ สนุกกับงานมากๆ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับงานนี้เหมือนกัน ได้ย้อนหวนคืนความทรงจำกลับไปสู่อดีตไปด้วยกัน เผื่อจะค้นเจอความทรงจำอะไรดีๆ ในหนังสือรุ่นเล่มนี้ครับ”

มิตรภาพ ความผูกพัน ความฝันของ “นัท-ภพ” จะกลับมาอีกครั้งหรือไม่หรือจะเหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำในหนังสือรุ่นเล่มหนึ่ง ร่วมลุ้นพร้อมกันทาง LINE TV เร็วๆ นี้

Leave a comment