#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/585838

อว.ปลุกพลังคนไทยก้าวสู่ท็อป 5 ประเทศนวัตกรรมในเอเชีย
วันพฤหัสบดี ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 06.38 น.
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ปลุกพลังคนไทยเปลี่ยนมุมมองเชื่อทุกคนทำได้ร่วมพลิกฟื้นประเทศ นำฐานความรู้ งานวิจัยและวิทยาการเทคโนโลยีพาประเทศไทยติดท็อป 5 ของเอเชียภายในเวลา 5 ปี พร้อมตั้งเป้าสร้างไทยเป็นประเทศนวัตกรรมระดับแนวหน้าของโลกภายใน 10 ปี
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) บรรยายในงานอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรม สำหรับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ภาครัฐและเอกชนรุ่นที่ 3 (Public and Private Chief Innovation Leadership #3 The Next Change Maker) หัวข้อ “ไทยสู่ความเป็นประเทศ “พัฒนา ใน 10 ปี ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและศิลปวิทยาการ” โดย กล่าวว่า มีคนไทยจำนวนมากที่มี Mindsetคิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนา ทั้งๆ ที่ทั่วโลกจัดให้ไทยอยู่ในเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบน โดยเมื่่อดูขนาดของ GDP ประเทศไทยจะอยู่ที่อันดับ 20-23 แต่ถ้าวัดกันที่กำลังซื้อก่อนจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 19 หรือ 20 ของโลก”
ทั้งนี้ จากแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติที่กำหนดให้ภายในเวลา 20 ปี ประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ในส่วนของ อว. และในฐานะรัฐมนตรีขอเดิมพันไว้ว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว

“อว.ขอเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของ 20 ปี คือ 10 ปี ไม่ใช่เพราะว่าเราอวดดีอวดเก่ง แต่เพราะการที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วมันต้องใช้ฐานความรู้ ฐานวิจัย นวัตกรรมและฐานศิลปะวิทยาการทั้งปวง เศรษฐกิจของเราจะไม่อยู่บนฐานที่แรงงานราคาต่ำ ไม่ใช่อยู่บนฐานที่ว่าเอาวัตถุดิบไปขาย ไม่ใช่อยู่บนฐานที่เอาพืชผลไปขายเป็นตันๆ แต่ต้องอยู่ที่การนำวิชาความรู้ วิทยาการทั้งปวงมาทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ ผลิตผลและบริการที่มีมูลค่าสูง มันต้องสูงกว่าเดิมเป็นสิบๆ เท่าขึ้นไป เป็นร้อยเท่าก็ยิ่งดี พันเท่า หมื่นเท่าก็ยิ่งดี อันนี้คือ หัวใจของประเทศที่พัฒนาแล้วเพราะฉะนั้นผมจึงตั้งธงเอาไว้ว่าเราจะใช้เวลาอีก 10 ปีไปให้ถึง ส่วนคนอื่นๆ จะใช้เวลาต่อจากเราไปอีก 10 ปี อันนี้ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะทำให้เราเชื่อว่าประเทศไทยสามารถที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้”
รมว.อว. ยังกล่าวอีกว่า ได้มีการตั้งโจทย์ให้ในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของภาคี20 ประเทศที่ทดลองเรื่องฟิวชั่น แล้วนำความรู้ที่ได้จากการทดลอง วิจัย ไปเปลี่ยนให้เป็นพลังงานที่นำมาใช้ได้ จนเป็นพลังงานสะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีกัมมันตรังสี ที่จะใช้ได้นานแสนนาน เป็นหมุดหมายของการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งไม่ค่อยมีใครทราบว่าประเทศไทยทำได้
“AI ของเราก็ทำได้ดี อุตสาหกรรมที่เราเรียกกันว่าไทยแลนด์ 4.0 มี 3 เรื่องคือ A.I. Robotic Industry และเรื่องไอโอทีเราก็ไม่แพ้ใครในอาเซียน และเรากำลังก้าวกระโดดไปเรื่อยๆ เราต้องสนใจสร้างพันธมิตรกับ เกาหลี จีน และประเทศอื่นเท่าที่จะหาได้ เพื่อที่จะทำการผลักดัน AI ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อย่างที่น่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อีก 2 อย่างคืบหน้าไปอย่างก้าวกระโดด เราจะต้องเข้าไปหาทางวิจัยร่วมกับจีน เกาหลี เพราะ 2 ชาตินี้ที่ทำ 5G ได้ ถ้าเขาทำ 5.5 G เราก็ต้องขอเข้าไปร่วมด้วย ถ้าเขาทำ 6G เราก็ต้องเข้าไปทำด้วย เราจะไม่ทำวิทยาศาสตร์ วิจัยจากฐานประเทศไทยเพียงอย่างเดียวแล้ว ต้องระดมสรรพกำลังมิตรประเทศแนวร่วม ภาคีต่างๆ มาทำให้เกิดพลังคูณ 2 คูณ 3 เข้าไป และก็มีความเป็นไปได้สูงมาก”
ท้ายสุด รมว.อว. ยังกล่าวกับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ภาครัฐและเอกชน รุ่นที่ 3 ที่เข้าอบรมอีกว่า ใน 5 ข้างหน้าตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นประเทศชาตินวัตกรรมระดับแนวหน้าของเอเชีย และภายใน 10 ปีไทยจะต้องอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มประเทศนวัตกรรมแนวหน้าของโลก