#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/595109

‘พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา’นำทีม‘ฅนดอยคำ’ ส่งต่อความห่วงใย แทนคำขอบคุณ 27 ปี‘ดอยคำ’
วันจันทร์ ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยาหัวเรือใหญ่ “ดอยคำ”นายพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด พร้อมคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และพนักงาน ถือโอกาสครบรอบ 27 ปี ในเดือนสิงหาคมนี้ ส่งต่อพลังความรัก ความห่วงใย แทนคำขอบคุณจากใจ “ฅนดอยคำ” เพื่อเป็นกำลังใจให้คนไทยผ่านพ้นทุกวิกฤติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ไปด้วยกัน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน “ดอยคำ”พร้อมที่จะเคียงข้างและเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาไปกับคนไทยทุกคน อีกทั้ง มุ่งมั่นที่จะ สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามศาสตร์พระราชา สู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
.jpg)
นายพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กล่าวว่า จากพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงต้องการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรชาวไทยภูเขาให้ดีขึ้น ทรงส่งเสริมการปลูกพืชผลไม้เมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่น พร้อมทรงมีพระราชดําริให้จัดตั้งสหกรณ์ชาวเขา และโรงงานหลวงอาหารสําเร็จรูปขึ้น เพื่อรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรอย่างเป็นธรรมและแปรรูปผลผลิต ภายใต้ตราสินค้า “ดอยคํา” รวมถึงจัดให้มีการค้นคว้า วิจัย และพัฒนา โดยจัดตั้งเป็นนิติบุคคลภายใต้ชื่อ “บริษัท ดอยคําผลิตภัณฑ์อาหาร จํากัด” ดําเนินกิจการในรูปแบบ “ธุรกิจเพื่อสังคม”
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2537 วันแรกที่ “ดอยคำ” จัดตั้งองค์กรเป็นนิติบุคคลภายใต้ชื่อ “บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด” ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการตามศาสตร์พระราชา ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนจวบจนปัจจุบัน
.jpg)
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “ดอยคำ”ยังคงยึดมั่นในความเป็นต้นแบบธุรกิจเพื่อสังคม ด้วยการดำเนินงานส่งเสริมการเพาะปลูกและรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรมโดยนำมาผลิตและจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีคุณค่าทางโภชนาการส่งผลดีต่อสุขภาพ ภายใต้กระบวนการผลิตและบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการมุ่งมั่นพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างสมดุลทั้ง 3 ด้านคือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม
ด้านเศรษฐกิจ : ดอยคำ ได้กำหนดกรอบการทำงานไว้ว่า “บริษัทต้องมีกำไรพอเพียงเลี้ยงตัวเองได้” เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไป โดยผลกำไรจะถูกนำมาใช้ในการดูแล ฅนดอยคำ
รวมทั้งนำกลับมารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด เพื่อช่วยเหลือเกษตรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บางส่วนนำมาใช้ในการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าคุณภาพที่ดีในราคาที่เป็นธรรม โดยบริษัทตั้งเป้าผลกำไรไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2-2.5 แต่จะไม่เกินร้อยละ 10 หากปีไหนได้ผลกำไรเกินร้อยละ 10 บริษัทจะพิจารณาทบทวนในเรื่องของการเพิ่มปริมาณการรับซื้อผลผลิตจากเกษตร การดำเนินงานในลักษณะนี้จะช่วยให้รากแก้วของสังคมและชุมชนไทยเกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
.jpg)
ด้านสังคม : ดอยคำ ดำเนินงานเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงงานหลวงฯ ทั้ง 3 แห่ง เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามศาสตร์ของพระราชา และโมเดลของดอยคำกว่า 2,000 ครัวเรือน ได้ทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยการพัฒนาวัดให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแก่คนในชุมชน ผ่านโครงการวัดของเรา วัดของชุมชน ทั้งนี้ ยังได้พัฒนาการศึกษา ด้วยการพัฒนาโรงเรียนในบริเวณโดยรอบโรงงานหลวงฯการมอบความรู้แก่เกษตรกรกับโครงการส่งเสริมความรู้ด้านพืชเกษตร การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่ยุวมัคคุเทศก์ ยุวเกษตร และเยาวชนที่ช่วยเหลือสนับสนุนงานโรงงานหลวงฯ ทั้ง 3 แห่งทำให้เด็กเยาวชนได้มีโอกาสทางการศึกษาเพิ่มขึ้น อีกทั้งดอยคำยังได้สร้างพื้นที่การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพัฒนาประเทศอย่างรอบด้านและยั่งยืน ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์พื้นที่ที่มีชีวิต (Living SITE MUSEUM) โดยจะพัฒนาโรงงานหลวงฯและพื้นที่ โดยรอบให้เป็นพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ (A Platform for Learning Experience) เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาเรียนรู้ได้เรียนรู้ จากประสบการณ์จริงในชุมชน ซึ่งจะทำให้สังคมชุมชนเกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
.jpg)
ด้านสิ่งแวดล้อม : ดอยคำตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน อีกทั้งเพื่อร่วมปกป้องสภาพอากาศและลดภาวะโลกร้อน ด้วยการเดินหน้าจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินกิจกรรมต่างๆ “Doikham Go Green” ได้แก่ กิจกรรม แกะ ล้าง เก็บ เพื่อมุ่งสู่สังคมไร้ขยะ พลังงานทดแทน มาตรฐานอาคารเขียว บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โครงการปลูกป่าในใจคน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการขนส่ง ฯลฯ
นอกจากนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา “ดอยคำ” ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์แทนความห่วงใยแด่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยโควิด-19ให้กับโรงพยาบาลสนามทั้งในกรุงเทพฯ พื้นที่โรงงานอาหารสำเร็จรูปทั้ง 3 แห่ง และหน่วยงานต่างๆ รวมถึงร่วมบริจาค กล่องกระดาษ ทำเตียงสนามสำหรับรองรับผู้ป่วยวิกฤติโควิด-19 พร้อมสนับสนุนให้คนไทยฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
.jpg)
สำหรับในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นเดือนครบรอบ 27 ปี “ดอยคำ” ขอมอบความพิเศษกับกิจกรรมดอยคำชวนรัก (ษ์) โลก มุ่งสู่สังคมไร้ขยะ 1 กล่องมีมูลค่า 1 บาท กับกิจกรรม “แกะ ล้าง เก็บ”เพียงแค่นำกล่องยูเอชที ภายใต้แบรนด์ “ดอยคำ” ทั้งขนาด 200 มล. 500 มล.และ 1,000 มล. (ผ่านขั้นตอนแกะ ล้าง เก็บอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น) ซึ่งทุกขนาดมีมูลค่า 1 บาท สามารถนำมาแลกซื้อผลิตภัณฑ์ตราดอยคำแทนเงินสดได้โดยไม่มีขั้นต่ำได้ที่ร้านดอยคำ ทุกสาขา (โดยไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้) ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2654 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564
“ดอยคำยังคงมุ่งมั่นที่จะ สืบสานรักษา ต่อยอด ตามศาสตร์พระราชา สู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง และตระหนักอยู่เสมอว่าผลกำไรที่แท้จริง คือการได้เห็นคนไทยทุกระดับกินดี อยู่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะนั่นย่อมหมายถึงความสุขที่ยั่งยืนของคนไทยทุกคน” นายพิพัฒพงศ์อิศรเสนา ณ อยุธยา กล่าวในที่สุด