#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/594951

ไส้กรอก-แฮม ทางเลือกสำหรับคนรักโปรตีน ทานได้อย่างพอดี เพื่อความปลอดภัย
วันอาทิตย์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
ผศ.ดร.อินทาวุธ สรรพวรสถิตย์ รองคณบดี สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร และอาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันการทานอาหารที่สะอาดมีคุณภาพ ปลอดภัยเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยิ่งทำให้ผู้บริโภคพิถีพิถันในการเลือกอาหารมากยิ่งขึ้น เมื่อมีสื่อต่างๆ รวมถึงการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการทานเนื้อแปรรูปเช่น ไส้กรอก แฮม มีความเสี่ยงให้เป็นมะเร็งลำไส้ซึ่งมีการหยิบยกเรื่องนี้มากล่าวถึงอย่างต่อเนื่องและสร้างความกังวลใจให้กับผู้บริโภคที่ชอบทานเนื้อแปรรูป หรือชอบทานโปรตีนในรูปแบบของอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ความเชื่อมโยงของโรคมะเร็งกับเนื้อสัตว์มีประเด็นหลักๆ คือ การเติมสารเจือปนในอาหาร ประเภทไนไตรท (Nitrite) หรือไนเตรท(Nitrate) ในการผลิตเนื้อแปรรูป ซึ่งเมื่อไนไตรท์ที่หลงเหลือจากการเติมลงในสูตรการผลิตมากเกินไปทำปฏิกิริยากับสารประกอบเอมีนที่อยู่ในเนื้อสัตว์ตามธรรมชาติ อาจจะก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง หรือที่เรียกว่า ไนโตรซามีน(Nitrosamine) แต่สารก่อมะเร็งชนิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายนัก ยังต้องมีสภาวะที่จำเพาะอื่นๆ เพิ่มเติมจึงจะเกิดได้ เช่นให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงมากๆ เป็นเวลานาน หรืออยู่ในสภาวะที่เป็นกรดแก่ หากไม่มีสภาวะเหล่านี้ก็ไม่สามารถเกิดไนโตรซามีนได้
เมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์สำคัญของการเติมไนไตรท ซึ่งคือเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิด คลอสตริเดียม โบทูลินัม(Clostridium botulinum)ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หากมีการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์และอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมที่เชื้อจุลินทรีย์ชนิดนี้เจริญได้ เช่น สภาวะไร้อากาศจากการบรรจุแบบสุญญากาศ ก็จะทำให้สร้างสารพิษที่เรียกว่า โบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum toxin) ที่สามารถทำอันตรายให้กับผู้บริโภคได้หากรับประทานเข้าไป ซึ่งการเติมไนไตรทจะสามารถยับยั้งการเกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
คนจำนวนหนึ่งอาจเข้าใจว่าการเติมไนไตรทในเนื้อสัตว์จะทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการเติมไนไตรทมีข้อกำหนดตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขควบคุมว่าต้องเติมในปริมาณที่กำหนดไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะหากฝ่าฝืนจะถือว่าผิดกฎหมาย จะถูกดำเนินคดีจนอาจถึงขั้นปิดกิจการได้ สำหรับประเด็นที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้เนื้อแปรรูปเป็นสารก่อมะเร็งอยู่ในกลุ่ม 1 คือสามารถก่อมะเร็งในมนุษย์ เนื่องจากเคยมีการศึกษาว่าหากใส่วัตถุเจือปนอาหารอย่างไม่ระมัดระวัง “อาจ”มีโอกาสเกิดสารกลุ่มไนโตรซามีนซึ่งจะมีอันตรายเทียบเท่าบุหรี่หรือสารหนู ซึ่งอาจเป็นการรายงานข้อมูลที่รุนแรงทำให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่อย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่าการเกิดไนโตรซามีนนั้น ต้องอยู่ในสภาวะจำเพาะจริงๆ เท่านั้น จึงแนะนำได้ว่ายังสามารถรับประทานเนื้อแปรรูปได้ในปริมาณที่เหมาะสมและควรทานโปรตีนจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม เช่น ไข่ เต้าหู้ และถั่ว โดยรับประทานให้มีความหลากหลาย และควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เนื้อแปรรูปจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานต่างๆเช่น GMP HACCP ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)หรือมาตรฐานตามระเบียบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย

