#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/596952

‘การใส่สายอาหารทางหน้าท้อง’ เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องใส่สายอาหารเป็นเวลานาน
วันอังคาร ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
การเจ็บป่วยจนทำให้ไม่สามารถกินอาหารทางปากได้ จะทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนตามมา การใส่สายอาหารเพื่อให้สารอาหารลงสู่กระเพาะอาหารโดยตรงจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ซึ่งวิธีที่เราเห็นกันบ่อยๆ คือ การสอดสายอาหารทางจมูก แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ได้สะดวกและยังเหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องใส่สายอาหารเป็นเวลานาน นั่นคือ การใส่สายอาหารทางหน้าท้อง
นายแพทย์ปารินทร์ ศิริวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลนวเวช ได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการใส่สายอาหารทางหน้าท้อง รวมถึงการเปลี่ยนสายอาหารทางหน้าท้องว่า ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใส่สายให้อาหารทางจมูก (สาย NG,nasogastric tube) เช่น ผู้ป่วยที่กินอาหารทางปากเองไม่ได้ หรือได้น้อยกว่าที่ร่างกายควรได้รับ ผู้ป่วยโรคสมอง ผู้ป่วยกลืนลำบาก ผู้ป่วยเสี่ยงการสำลัก ผู้ป่วยที่ต้องเว้นการกินทางปากบ่อยๆ จนขาดสารอาหาร เช่น เหนื่อยบ่อยจากโรคปอดหรือหัวใจ ผู้ป่วยโรคมะเร็งปาก คอหอย และหลอดอาหารที่รอการฉายรังสีหรือผ่าตัด เป็นต้น หากผู้ป่วยจำเป็นต้องใส่สายให้อาหารทางจมูก NG นานกว่า 4-6 สัปดาห์ และมีภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายให้อาหารทางจมูก NG เช่น แผลกดทับของสายกับเนื้อบริเวณจมูก รูจมูกและไซนัสอักเสบ หรือผู้ป่วยชอบดึงสายจมูกออกอาจเลือกวิธีใส่สายให้อาหารทางหน้าท้อง(Percutaneous Endoscopic Gastrostomy : PEG) เพื่อให้อาหารผ่านทางหน้าท้องแทน
.jpg)
นพ.ปารินทร์ ศิริวัฒน์
ทั้งนี้ ความสะดวกของการทำสาย PEG ให้อาหารทางหน้าท้อง คือ ทำได้โดยการส่องกล้องไม่จำเป็นต้องเข้าห้องผ่าตัด และไม่มีแผลขนาดใหญ่โดยนอนโรงพยาบาลเพียง 1 คืน เพื่อสังเกตอาการเมื่อสามารถ Feed อาหารได้ผู้ป่วยก็สามารถกลับบ้านได้ โดยสาย PEG แต่ละชิ้นมีอายุวัสดุประมาณ 6 เดือน-1 ปี ขึ้นกับการดูแลสาย และสิ่งที่ feed ของแต่ละคน โดยจะเริ่มเปลี่ยนได้หลังจากใส่ครั้งแรกเกิน 3 เดือนเป็นต้นไป เพราะทางเชื่อมสมบูรณ์แล้ว เพียงใช้อุปกรณ์เปลี่ยนสาย หรือดูดน้ำในบอลลูนออกเอาสายเก่าออก แล้วเปลี่ยนสายใหม่ การเปลี่ยนสายจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที สามารถเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยังมีข้อควรปฏิบัติอื่นๆ ได้แก่ ควรเปลี่ยนสายทุก 6 เดือน หรือเมื่อสายบวม ตันแตก หมดสภาพ, หากไม่ได้ใช้สาย ควรไล่น้ำเปล่า30-50 cc อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง, ทำความสะอาด ปาก ลิ้น และฟัน ของผู้ป่วยทุกวันถึงแม้จะไม่ได้ให้อาหารทางปาก เพื่ออนามัยที่ดี, แม้จะใส่ PEG แต่หากผู้ป่วยสามารถกินอาหารทางปากได้ ก็สามารถกลับมาให้กินทางปากตามปกติ
อย่าวไรก็ตาม สามารถขอรับคำปรึกษาการใส่สายอาหารทางหน้าท้องจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ โรงพยาบาลนวเวช โทร.02-4839999/
http://www.navavej.com