#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/601637

เตือนเกษตรกรระวังโรคเน่าในผักตระกูลกะหล่ำ-ผักกาด
วันจันทร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.
ในช่วงที่มีฝนตกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกผักตระกูลกะหล่ำ และผักกาด อาทิ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี่ ผักกาดขาว และผักกาดหัว ให้เตรียมรับมือการระบาดของโรคเน่าเละ สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของพืชอาการเริ่มแรกจะพบบนใบหรือบริเวณลำต้นมีแผลเป็นจุดฉ่ำน้ำเล็กๆ ต่อมาแผลจะขยายลุกลามเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลเข้ม ส่วนเนื้อเยื่อบริเวณแผลจะยุบตัวลง และจะมีเมือกกลิ่นเหม็นฉุนเยิ้มออกมาภายนอก จากนั้น ต้นพืชจะเน่ายุบตายไปทั้งต้นโรคเน่าเละจะพบการระบาดมากในช่วงฤดูฝน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคสามารถเข้าทำลายได้ทุกส่วนของพืชทั้งในสภาพแปลงปลูกและในโรงเก็บ
สำหรับแนวทางในการป้องกันและแก้ไข เกษตรกรควรหมั่นสำรวจตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากเริ่มพบอาการของโรคเน่าเละในแปลงปลูก ให้รีบขุดต้นที่เป็นโรคและเก็บเศษซากพืชส่วนที่เป็นโรคออกจากแปลงนำไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที หลีกเลี่ยงการทำให้ส่วนต่างๆ ของพืชเกิดแผลซึ่งแผลจะเป็นช่องทางให้เกิดเชื้อเป็นสาเหตุของโรคเข้าทำลายพืชได้ง่าย รวมถึงควรดูแลไม่ให้พืชขาดธาตุแคลเซียมและโบรอน เพราะจะทำให้พืชเกิดแผลจากอาการปลายใบไหม้และไส้กลวง อีกทั้งเกษตรกรควรล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางการเกษตรต่างๆให้สะอาด และผึ่งแดดให้แห้งหลังการใช้งานทุกครั้ง เมื่อได้นำไปใช้กับต้นที่เป็นโรคก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ในครั้งต่อไป
หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้ว ก่อนการปลูกพืช เกษตรกรควรไถกลบเศษพืชผักและไถพรวนพลิกหน้าดินให้ลึกจากผิวดินมากกว่า 20 เซนติเมตร ทิ้งตากแดดไว้นานกว่า 2 สัปดาห์ และไถกลบพลิกหน้าดินอีกครั้ง เพื่อทำลายเชื้อสาเหตุโรคที่ติดอยู่กับเศษซากพืช และป้องกันการสะสมของเชื้อสาเหตุโรคในดิน กรณีที่พื้นที่เคยมีการระบาดของโรค ให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน อาทิถั่วเหลือง ถั่วเขียว และข้าวโพด ส่วนในฤดูปลูกถัดไปเกษตรกรควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีการระบายน้ำที่ดี และเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้มาก่อนหลีกเลี่ยงการปลูกพืชแน่นจนเกินไป เพื่อไม่ให้มีความชื้นสูงสะสม และลดการระบาดของโรค