แก้ผ้าลุงแซม : ระบาดหนักแต่ไม่ตระหนักสำนึก #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/601833

แก้ผ้าลุงแซม : ระบาดหนักแต่ไม่ตระหนักสำนึก

วันอังคาร ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.

คนขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวมมีทุกชาติทุกภาษาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพวกนี้คือภาระของชาติ ไม่เว้นแต่แม้แต่ในอเมริกาหลายคนอวยอเมริกาสุดลิ่มทิ่มประตูว่าระบบสาธารณสุขดีอย่างนั้นอย่างนี้คนอเมริกันมีจิตสำนึกดีกว่าคนชาติอื่น อยากให้เข้าใจเสียใหม่ว่าคนอเมริกันไร้จิตสำนึกปรากฏเป็นข่าวให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

สถานการณ์โรคระบาดในอเมริกายังสาหัส ป่วยสะสมพุ่งไป 40 ล้าน ตายไปหกแสนหกหมื่นกว่า อัตราการตายต่อพลเมืองหนึ่งล้านอยู่ที่ 2,014 ราย แต่ตอนนี้ไม่มีใครใส่หน้ากากเลย การ์ดตกกันหมดกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนไม่รู้จักว่าโควิด-19 และสายพันธุ์เดลต้าคืออะไร

เตียงไอซียูทั่วอเมริกามีผู้ครองเตียงแล้ว 79.83% ในนั้นเกือบ 1 ใน 3 เป็นผู้ป่วยโควิด-19 โดยมีอยู่ 8 รัฐที่มีคนไข้ครองเตียงไอซียูสำหรับผู้ใหญ่มากกว่า 90% คือ แอละแบมา จอร์เจีย เท็กซัส อาร์คันซอส์ ฟลอริดา มิสซิสซิปปีเนวาดา และเคนทักกี

ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในปัจจุบันสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหรือวันแรงงานของปี 2020 มากกว่า 4 เท่า ผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ย 7 วันหลังสุด ในช่วงวันแรงงานของอเมริกาปี 2021 (5 กันยายน) อยู่ที่ 163,728 ราย ขณะที่ปี 2020 ตัวเลขอยู่ที่ 39,355 ราย ส่วนคนตายก็เพิ่มเกือบเท่าตัว คนป่วยตายจากโควิด-19 ในช่วงวันแรงงานปี 2020 อยู่ที่ 804 รายส่วนปี 2021 ดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,561 ราย

ทั้งๆ ที่ป่วยกันงอมแงมขนาดนี้ ยังมีข่าวแบบนี้ให้เห็นทุกวันครูรายหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนียไม่ยอมฉีดวัคซีนทั้งที่ต้องเจอเด็กนักเรียนทุกวันปรากฏว่าครูรายนี้ติดโควิด-19 แต่ยังมั่นหน้า คิดว่าตัวเองไม่ติด มาทำงานทั้งที่มีอาการของโรคเพียบคิดเอาเองว่าไอ้อาการทั้งหลายแหล่นี่คือโรคภูมิแพ้ เลยมาทำงานทั้งที่รู้ว่าเด็กนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 12 ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนขาดจิตสำนึกอย่างร้ายแรง น่าจะไปตรวจโควิดหรือฉีดวัคซีนแต่กลับไม่ทำทั้งสองอย่าง จะมาคิดเอาเองว่าไม่ติดโควิด-19 ไม่ได้แต่ด้วยความมั่นหน้า นางก็ไปสอนเหมือนว่าตัวเองไม่มีอาการโควิด-19

ผลคือนักเรียนทั้ง 24 คน ของครูรายนี้มี 22 คน ที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์เข้ารับวัคซีน 12 คนใน 24 คน มีผลตรวจเป็นบวกนักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้กับโต๊ะของครูมากที่สุด โดยเฉพาะสองแถวหน้ามีความเสี่ยงติดเชื้อระดับ 80% จากการตรวจสอบพบว่าครูรายนี้ไม่สวมหน้ากากแถมมั่นหน้าจัดขนาดอ่านออกเสียงส่งเสียงดังให้นักเรียนฟังทั้งที่ขัดต่อกฎของโรงเรียนที่ให้ครูทุกคนสวมหน้ากากอนามัยในห้องเรียน

นอกจากนักเรียนในห้องแล้ว ยังมีนักเรียนอีก 4 ราย จากห้องเรียนอื่นมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกเช่นกันทั้งหมดเป็นพี่น้องของเด็กนักเรียน 3 คนในชั้นเรียนของครูคนที่แพร่เชื้อสันนิษฐานว่าการติดเชื้อของนักเรียนต่างห้องนี้น่าจะเกิดตอนที่เด็กๆอยู่ที่บ้าน ต่อมาผู้ปกครอง4 คน ของเด็กๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ติดเชื้อโควิด-19เช่นกัน รวมแล้วมีนักเรียนระดับประถมและผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งหมด 26 คน ติดเชื้อหลังสัมผัสกับครูรายนั้น และ 18 คนติดเชื้อเดลต้าแบบนี้คงต้องเรียกว่า “คลัสเตอร์ครู”

ตัวกลายพันธุ์เดลต้ากำลังระบาดจัดหนักไปไวเหมือนไฟลามทุ่งในอเมริกาเมื่อเปิดเทอมและการ์ดตกจึงทำให้เด็กป่วยเป็นจำนวนมากจำนวนคนไข้เด็กที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นาทีนี้มีมากกว่า 2,000 คน

ความไร้จิตสำนึกมาในรูปแบบต่างๆ หลายคนปลอมใบฉีดวัคซีนเพื่อใช้ประกอบการขึ้นเครื่องบินหรือเข้าร้านอาหารอาทิตย์นี้ก็โผล่มาอีกรายหญิงอเมริกันรายนี้ปลอมใบฉีดวัคซีนเพื่อหลีกเลี่ยงการกักตัวของรัฐฮาวายแต่ไม่เนียน เพราะบ้านอยู่อิลลินอยส์ แต่ดันกรอกว่าฉีดที่แดลาแวร์เช็คแล้วไม่พบหลักฐานว่านางคนนี้ฉีดจริง

ที่ฮาหนักกว่านั้นคอนางสะกดคำว่า“โมเดอร์น่า” ผิดไปสะกดเป็นมาเดอร์น่าซะนี่ เพราะไม่เนียนเลยโดนปรับสองพันดอลลาร์หรือหกพันบาทไทย จริงๆ แค่เดินไปฉีดวัคซีนก็จบเรื่อง ฟรีด้วย ทำไมต้องทำให้ยากก็ไม่รู้แถมเสี่ยงต่อการติดโควิด นี่ไม่ใช่เคสเดียว แต่โผล่มาให้เห็นทุกวัน

ตอนนี้มีอเมริกันฉีดวัคซีนเข็มหนึ่งไปแล้วราว 207 ล้านคน และฉีดครบสองเข็มมากกว่า 175 ล้านคน ตรงนี้ต้องขีดเส้นใต้เน้นๆ ย้ำๆ ว่า“ยังไม่มีรัฐที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนเกิน 70% ตามที่ตั้งเป้าไว้”

พวกอวยอเมริกาไม่ต้องมาเนียนว่าอเมริกาฉีดวัคซีนครบทั้งประเทศแล้ว ไวมากดีงามมากดีกว่าประเทศไทยโน่นนี่นั่น เพราะมันไม่ใช่ความจริงประเทศไทยนี่แหละที่พร้อมใจกันฉีดวัคซีนอย่างว่องคนไทยนั้นแม้จะเกลียดเข็มฉีดยาหรือกลัวเจ็บแค่ไหนยังยอมฉีดวัคซีน

ส่วนพวกที่เชื่อข้อมูลจากโลกโซเชียลเอาแต่รอวัคซีนเทพนั่นไม่นับอยากรอก็รอไป รับผิดชอบชีวิตตัวเองก็แล้วกันแต่ถ้าติดโควิดตายไปก็เสียใจด้วยที่ข่าวสารไปไม่ถึงบ้านท่าน

บอกตรงๆ เลยว่า ในขณะที่ประเทศไทยเริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แต่อเมริกายังไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ทั้งที่ฉีดวัคซีนเทพที่ใครหลายคนยกย่องเชิดชูนี่แหละ

Leave a comment