เทศกาล ‘หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง’ ตอน ‘ชอบจึงหมัก รักจึงปลูก’ ครั้งที่ 1

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/644158

เทศกาล 'หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง' ตอน 'ชอบจึงหมัก รักจึงปลูก' ครั้งที่ 1

วันจันทร์ ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565, 15.22 น.

ครั้งแรกของสมาคมเครือข่ายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (The NETWORK) กับการเปิดตัวเทศกาล “หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง”และเครือข่ายหมุนเวียนเปลี่ยนเมือง (Circular Urban Farming Network) ด้วยกิจกรรมทางกาย ทางใจ และทางความรู้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนเมืองหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์ ณ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร (BACC)

28 มีนาคม 2565: กรุงเทพฯ: สมาคมเครือข่ายเพื่อการพัฒนาที่ยังยืน (The NETWORK) ได้จัดเทศกาล “หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง” (Circular Urban Farm Fair) ตอน “ชอบจึงหมัก รักจึงปลูก” ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม -10 เมษายน 2565 เวลา 11.00-17.00 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการการประกอบการเกษตรอินทรีย์ในเมืองบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

นางสาวปารีณา ประยุกต์วงศ์ ผู้จัดการสมาคมเครือข่ายเพื่อการพัฒนาที่ยังยืน กล่าวว่า “วัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ มุ่งเน้นการนำเสนอผลงานของผู้ประกอบการรายย่อยและภาคธุรกิจที่ได้เข้าร่วมโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการการประกอบการเกษตรอินทรีย์ในเมืองบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว และเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนในเขตเมืองได้ตระหนักถึงความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยเริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัวจากการหมักเศษขยะอินทรีย์ให้เป็นสารปรุงดินเพื่อมาปลูกผัก ซึ่งถือเป็นเนื้อหาหลักที่โครงการได้มุ่งเน้น เพื่อลดปริมาณขยะอินทรีย์ออกสู่สาธารณะ และเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ตลอดจนเพิ่มความมั่นคงทางอาหารปลอดภัยอย่างยั่งยืนให้แก่คนเมือง โดยในวันที่ 2-3 เมษยน 2565 จะมีงานเสวนาพิเศษโดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครลงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน และร่วมเสวนาในหัวข้อ “มุมมองขยะกรุงเทพมหานคร สู่เส้นทางการหมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง” ในวันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2565 เวลา 13.00 น. โดยมีผู้ร่วมเสวนาท่านอื่นๆ จากหลากหลายวงการเข้าร่วมงาน”

เทศกาล “หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง” ตอน “ชอบจึงหมัก รักจึงปลูก” จัดขึ้นระหว่างวันที่ วันที่ 29 มีนาคม ถึงวันที่ 10 เมษายน 2565 โดยมีบริษัทชั้นนำเข้าร่วมโครงการ 5 บริษัท รวมพื้นที่กว่า 700 ตารางเมตรได้แก่ อาคารศูนย์ส่งเสริมสมรรถนะทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (KX), บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จำกัด, Feast the Urban Eat และ ตลาด DD Marche รวมทั้งผู้ประกอบการรายย่อยที่มีพื้นที่ปลูกผักในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 20 ราย รวมพื้นที่ 2,400 ตร.ม. เกิดพื้นที่ทำการเกษตร 16 ฟาร์ม รวมฟาร์มในเครือข่ายฯ ทั้งหมด 21 ฟาร์ม ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

โดยมีฟาร์มผักบนดาดฟ้า ชื่อ Wastegetable” ที่ห้างเซ็นเตอร์วัน เป็นโมเดลในการพัฒนาฟาร์มต้นแบบ ฟาร์มผักดังกล่าวเป็นการทำเกษตรอินทรีย์ในเมืองบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว เช่นการนำเศษอาหาร

มาหมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์เพื่อนำไปปลูกผัก ซึ่งมีผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด คือ ปริมาณเศษขยะลดลง 96 ตัน/ปี การนำพื้นที่ว่างประมาณ 1,334 ตร.ม. มาใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรได้ถึง 16 ฟาร์ม และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงประมาณ 56,512 kgCO2eq (โดยการเทียบเท่า)

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า “ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีปริมาณขยะมากถึง 3.2 ล้านตันต่อปี แต่ละปีต้องใช้งบประมาณในการจัดการขยะถึง 11,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันกรุงเทพฯ มีพื้นที่ว่างมากถึง 120,511,643.05 ตารางเมตร หรือประมาณ 7,000 ไร่ และมีพื้นที่ว่างบนดาดฟ้าอีก 2,810 อาคาร ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้ การใช้พื้นที่จำกัดของกรุงเทพฯ ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Green City และเป็นโอกาสอันดีที่จะใช้พื้นที่ว่างในกรุงเทพฯ ในการแก้ปัญหาขยะล้นเมือง และปัญหาพื้นที่ฝังกลบ ซึ่งสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม”

กลุ่มผู้ประกอบการภาคธุรกิจ จำนวน 5 ภาคส่วนที่ได้เข้าร่วมโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการการประกอบการเกษตรอินทรีย์ในเมืองบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน และจะได้มีการนำเสนอผลงานขององค์กร ภายในงาน เทศกาล “หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง” (Circular Urban Farm Fair) ตอน “ชอบจึงหมัก รักจึงปลูก” ดังกล่าว

หม่อมหลวง ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับแนวทางตามระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) จึงได้เข้าร่วมโครงการเครือข่ายหมุนเวียนเปลี่ยนเมือง (Circular Urban Farming Business Network) โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาฟาร์มเกษตรอินทรีย์ในเมืองบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการพัฒนาพื้นที่เรียนรู้การทำสมาร์ทฟาร์มเกษตรอินทรีย์ และการจัดการเศษอาหาร ด้วยการมีส่วนร่วมของพนักงาน 367 คน โดยเริ่มโครงการระยะที่หนึ่งที่สำนักงานดอนเมืองเป็นแห่งแรกซึ่งผลผลิตได้แจกจ่ายและจำหน่ายให้กับพนักงาน นับเป็นกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานตามกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนของกลุ่มบริษัท อีกด้วย”

ประธานกรรมการ บริษัท ดีดี วีพีกิจ จำกัด ประกอบกิจการตลาด ดีดี มาร์เช่ กล่าวว่า “ในนามของตลาด ดีดี มาร์เช่ ผมรู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการการประกอบการเกษตรอินทรีย์ในเมืองบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน ตลาด ดีดี มาร์เช่ ต้องการเป็นตลาดในเมืองต้นแบบ Zero Food Waste สู่ ฟาร์มผักอินทรีย์ โดยมีพื้นที่ตลาดแบบเปิด 4 ไร่ ในขณะนี้ได้มีการนำเศษอาหารและขยะอินทรีย์มาหมักเป็นปุ๋ยด้วยวิธีธรรมชาติ และเครื่องหมักปุ๋ย ซึ่งมีปริมาณผลผลิตปุ๋ยสามารถแจกจ่ายให้ภาครัฐและเกษตรกร และยังมีเหลือสามารถจัดจำหน่าย รายได้คืนสู่ท้องถิ่น แต่เหนือสิ่งอื่นใดตลาดไม่มีขยะอินทรีย์ออกไปสู่สาธารณะให้เป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนการประกอบการฟาร์มผักภายใต้ชื่อ ดีดี ฟาร์มผัก ได้ใช้ปุ๋ยที่ผลิตจากที่นี้ด้วยเช่นกัน”

คุณเนตรนภา ชำนิวิกัยพงศ์, กรรมการบริษัท บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวเสริมว่า “โครงการ Circular Urban Farming” ที่พนักงานได้ไปเรียนรู้ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฎิบัติช่วยให้เกิดทักษะการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งบริษัทได้ใช้พื้นที่ดาดฟ้า พัฒนามาเป็นแปลงผักแบบผสมผสาน เพื่อเป็นสวัสดิการให้พนักงานเดิมที่ต้องการให้เป็นพื้นที่พักผ่อนของพนักงานเนื่องจากเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านไอที เนื่องจากมีความเครียด แต่พบว่าโครงการนี้กลับช่วยสร้างจิตสำนึกด้านการแปลงเศษอาหารเป็นสารปรุงดินได้เป็นอย่างดีและคาดว่าจะสามารถผลิตปุ๋ยหมักได้ถึง 1,800 กก./ปี ในปีแรกนี้ ผลของการทำฟาร์มดาดฟ้า คือบริษัทและพนักงานสามารถประหยัดค่าใช่จ่ายจากการซื้อผักจากตลาดเนื่องจากบริษัทมีสวัสดิการเลี้ยงอาหารพนักงานวันละ 2 มื้อ อีกทั้งยังมั่นใจในความสะอาดปลอดภัยมากกว่าผักที่ซื้อจากตลาด เรามีโครงการขยายการทำเกษตรอินทรีย์ ไปยังฟาร์มของบริษัทที่ร่วมกันทำกับผู้พิการ ที่พัทยา โดยเน้นการฝึกอาชีพด้านเกษตรให้ผู้พิการ ผู้พิการได้เรียนรู้การทำงานในฟาร์ม และนำความรู้ที่ได้กลับไปทำเองทั้งทำเป็นอาชีพ และ ปลูกผักกินเองที่บ้านเพื่อลดค่าใช้จ่าย”

ศาสตราจารย์ ดร.บุญเจริญ ศิริเนาวกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักเคเอกซ์ กล่าวว่า “สำนักเคเอกซ์ใช้พื้นที่ดาดฟ้าของสำนักงานเป็นพื้นที่ปฏิบัติการเรียนรู้เรื่องการใช้พื้นที่ในเมืองให้คุ้มค่าในรูปแบบ – Mini Garden Allotment ซึ่งประกอบด้วยการปลูกผักอิทรีย์หลากหลายรูปแบบและวิธีการ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกผักอินทรีย์ และการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร ซึ่งผลผลิตที่ออกมาไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย แสดงให้เห็นว่าปริมาณความต้องการผักปลอดภัยของกลุ่มผู้บริโภคยังมีอยู่มาก การพัฒนาพื้นที่เพียงเล็กน้อยสามารถสร้างความมั่งคงทางอาหารให้กับคนเมืองได้อย่างแท้จริงถ้าเราใส่ใจและลงมือทำอย่างจริงจัง ในงาน เทศกาล “หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง” สำนักเคเอกซ์ได้เตรียมกิจกรรมต่อลังปลูกผังแบบง่ายๆ ให้ผู้ที่เข้าชมงานได้ร่วมลงมือทำภายในงานซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนที่มีหัวใจเกษตรอินทรีย์เป็นจำนวนมาก”

คุณภัควัต วราภักดิ์ ภูมิสถาปนิกบริษัท เป็นสับปะรด พัฒนา จำกัด เจ้าของโครงการ Feast urban canteen ร้านอาหารให้เช่าประมาณ14 ร้าน เราอยากให้โครงการ ขนาดนี้ เป็นเหมือนต้นแบบ (prototype) ที่คิดถึงการจัดการขยะทั้งหมดให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงเกิดพื้นที่ทำเกษตรในเมืองเพื่อเขื้อมโยงคนในชุมชนสู่พื้นที่ ใช้งานส่วนกลางของเมือง เราขอเป็นพื้นที่ส่วนกลาง นี้ จึงเกิดมีพื้นที่กิจกรรมฟาร์มผักขึ้นมา ในงาน เทศกาล “หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง” ทาง Feast the Urban Eat ได้ร่วมกับ Ari Around จัดกิจกรรมแลกโทเค่น โดยเน้นการหมุนเวียนทรัพยากร ซึ่งคาดว่าจะช่วยปลุกจิตสำนึกด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular Economy) ได้เป็นอย่างดี”

อย่าพลาดงาน เทศกาล “หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง”ตอน “ชอบจึงหมัก รักจึงปลูก”ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม – วันที่ 10 เมษายน 2565 เวลา 11.00 – 17.00 น. ติดตามรายละเอียดได้ทางเพจ Circular Urban Farming -หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง

Leave a comment