#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/667158

วันอาทิตย์ ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
วิชิต คงเขียว กรรมการผู้จัดการ Lotus Aquaculture Lanka (Private) Ltd. นำคณะผู้บริหารพร้อมด้วยภาครัฐและเอกชน ร่วมมอบถุงยังชีพข้าวสารอาหารแห้ง มูลค่ารวม 900,000 รูปีศรีลังกาในโครงการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางในชุมชนวัทตาวัน(Vattavan Village) ที่อาศัยอยู่รอบฟาร์มกุ้งของบริษัทฯ จำนวน 200 ครอบครัว ซึ่งเป็นประชาชนผู้มีรายได้น้อยจากการสำรวจของสำนักเลขาธิการกองวากาไลร ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศศรีลังกา โดยมีหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรม อาทิ ผู้บริหารบริษัท Vakarai Ocean Aqua Cluster เลขาธิการกองข้าราชการ เจ้าหน้าที่บริหารองค์การพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งชาติและเจ้าหน้าที่หมู่บ้าน ณ บ้านพักเจ้าหน้าที่หมู่บ้านวัทตาวัน อำเภอวากาไลร เขตชายฝั่งตะวันออกประเทศศรีลังกา
“Lotus Aquaculture Lanka เป็นกิจการในต่างประเทศของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจโรงเพาะฟักลูกกุ้ง ฟาร์มกุ้ง และอาหารกุ้งในศรีลังกา บริษัทได้สนับสนุนให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ แก่ประชาชนในชุมชนวัทตาวัน ที่เป็นพื้นที่ตั้งของสถานประกอบการ โดยให้ความสำคัญกับสวัสดิการของพนักงานมาโดยตลอด เมื่อชาวบ้านวัทตาวันประสบความเดือดร้อน เผชิญความยากลำบากจากวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน เราในฐานะสมาชิกของชุมชน จึงริเริ่มโครงการเพื่อช่วยเหลือชาวชุมชนในเบื้องต้นอย่างทันท่วงที โดยระดมทีมงานจิตอาสาจัดหาชุดบรรเทาทุกข์ ประกอบด้วยข้าวสารอาหารแห้งนำมาแจกจ่าย เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชนแก่ชาวบ้านวัทตาวัน ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ยากและร่วมกันฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกัน” วิชิต กล่าว
ซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเป็นมิตรกับชุมชน โดยถ่ายทอดแนวทางดำเนินงานสู่บุคลากรทั่วโลก มุ่งส่งเสริมและปลูกฝังพนักงานทุกคนร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ สู่สังคม ดูแลชุมชนสานประโยชน์สร้างคุณค่า พัฒนา และตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ “หลักปรัชญา3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน” ที่ทุกคนยึดมั่น ประกอบด้วยประโยชน์ต่อประเทศที่เข้าไปลงทุน ประโยชน์ต่อประชาชนของประเทศนั้น และประโยชน์ต่อบริษัท โดยเฉพาะในพื้นที่ประกอบกิจการของซีพีเอฟทั่วโลก ซึ่งมีทั้งโรงงานและฟาร์มที่ชาวซีพีเอฟสามารถใช้ขีดความสามารถของตนเอง ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดีขึ้นควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน


