คุยกัน7วันหน : ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ราชินีผู้ก้าวไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลง

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/679165

คุยกัน7วันหน : ควีนเอลิซาเบธที่ 2  ราชินีผู้ก้าวไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลง

คุยกัน7วันหน : ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ราชินีผู้ก้าวไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลง

วันอาทิตย์ ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2565, 06.12 น.

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปี1952 ทรงเป็นองค์พระประมุขที่ทรงครองราชสมบัติยาวนานที่สุดแห่งราชวงศ์อังกฤษ ด้วยระยะเวลาถึง 70 ปี และทรงเป็นสักขีพยานในการเปลี่ยนผ่านทางสังคมในอังกฤษและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายรัชสมัยของพระองค์ครอบคลุมตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 15 คน เริ่มจากวินสตัน เชอร์ชิล และปิดท้ายที่ลิซ ทรัสส์ ที่พระองค์เพิ่งทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้

The Straits Times รายงานว่า ความสำเร็จสูงสุดของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก็คือการรักษาความนิยมของสถาบันกษัตริย์ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาและนำสถาบันกษัตริย์ไปสู่โลกสมัยใหม่เปิดกว้างและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสังคมและวัฒนธรรม

รัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เริ่มขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงผันผวนอย่างรวดเร็วของสถานการณ์โลก ทำให้จักรวรรดิอังกฤษต้องดำเนินมาถึงจุดจบในที่สุด ขณะที่เสด็จเยือนประเทศเครือจักรภพเมื่อปลายปี 1953 หลายประเทศในจำนวนนั้นซึ่งรวมถึงอินเดียต่างได้รับเอกราชและแยกตัวเป็นอิสระออกไป

สิ่งที่ร้อยรวมประเทศที่เป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษเอาไว้ด้วยกันได้ในยุคใหม่ คือการเป็นสมาชิกเครือจักรภพ ที่บางส่วนยกย่องให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นองค์ประมุขสูงสุด

นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองหลายครั้งในช่วงต้นรัชสมัย ส่วนใหญ่มาจากการที่ต้องทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากพรรคอนุรักษ์นิยม ที่ทางพรรคขาดกระบวนการเลือกสรรผู้นำที่แน่นอน จนทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น

พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่มีความสำคัญ เชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรและของโลกหลายครั้ง โดยหลังสิ้นสุดสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991 ทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษพระองค์แรกที่ได้มีพระราชดำรัสต่อสภาคองเกรสของสหรัฐฯ

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2011 สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษพระองค์แรกที่เสด็จฯทรงเยือนสาธารณรัฐไอร์แลนด์ อย่างเป็นทางการ มีพระราชดำรัสให้ชาวไอริชมีความอดทนอดกลั้นและประนีประนอมต่อความขัดแย้งกับอังกฤษที่ผ่านมาในหน้าประวัติศาสตร์ ในปีต่อมาพระองค์ยังได้เสด็จฯทรงเยือนไอร์แลนด์เหนือในโอกาสนี้ได้ทรงจับมือกับนายมาร์ตินแม็คกินเนส อดีตผู้นำขบวนการไออาร์เอ ซึ่งเคยเรียกร้องอิสรภาพจากอังกฤษอีกด้วย นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากพระญาติสนิท คือลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบตเทน ถูกสังหารด้วยระเบิดของขบวนการไออาร์เอไปเมื่อปี 1979

พระองค์ยังทรงแสดงความห่วงกังวล ในครั้งที่สกอตแลนด์จัดการลงประชามติเพื่อเตรียมแยกตัวเป็นเอกราชในปี 2014 โดยมีพระราชดำรัสกับประชาชนผู้มารอเฝ้าที่ปราสาทบัลมอรัล และผลการลงประชามติในครั้งนั้น คือ ชาวสกอตแลนด์ยังต้องการอยู่ร่วมในสหราชอาณาจักรต่อไป

ขณะเดียวกัน ตลอดช่วงรัชสมัยของพระองค์ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้รับการจารึกว่าเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของอังกฤษที่เสด็จฯเยือนจีนแผ่นดินใหญ่
ในปี 1986 รวมถึงการเสด็จฯเยือนราชอาณาจักรไทยถึง 2 ครั้ง หนังสือพิมพ์ Express ของอังกฤษรายงานเมื่อปี2020 ว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเดินทางเป็นระยะทางทั้งหมดกว่า 1 ล้านไมล์ และเสด็จฯทรงเยือนทั้งหมด 110 ประเทศ ทั้งยังเรียกพระองค์ว่าทรงเป็น “ประมุขของรัฐที่เดินทางมากที่สุดตลอดกาล”ด้วย

ผู้ที่สนับสนุนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กล่าวว่า พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการช่วยประคับประคองสถาบันกษัตริย์ให้อยู่รอดได้ในอังกฤษ ในเวลาที่
สถาบันเบื้องสูงในหลายๆ ประเทศค่อยๆ หมดความสำคัญลง

แต่ถึงกระนั้น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 น่าจะเป็นผู้ที่ถูกสาธารณะจับตาตรวจสอบดูมากที่สุดคนหนึ่งตลอดช่วงระยะเวลาการครองราชย์ อีกทั้งยังทรงต้องเผชิญกับการโจมตีในเรื่องส่วนพระองค์ด้วยเช่นกัน ว่า ราชสำนักของพระองค์นั้นมีความเป็นชนชั้นสูงแบบอังกฤษมากเกินไป สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อสถาบันกษัตริย์ว่ากำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 สำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมเริ่มดำเนินนโยบายนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของพระราชวงศ์อังกฤษในรูปแบบที่เป็นทางการน้อยลงแต่ดูผ่อนคลายและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

เมื่อปี 1992 พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 40 ปีว่า ปีนั้น “กลับกลายมาเป็น “ปีอันแสนโหดร้าย” หลังพระราชโอรสและพระราชธิดา 3 พระองค์ อันได้แก่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแอนดรูว์และเจ้าหญิงแอนน์ ต่างประกาศแยกทางหรือหย่าร้าง

อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีสในปี 1997 ซึ่งทำให้เจ้าหญิงไดอานาแห่งเวลส์ อดีตพระชายาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์สิ้นพระชนม์ ส่งผลสะเทือนต่อภาพลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษอย่างมากอีกครั้ง มีผู้แสดงความไม่พอใจที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และสำนักพระราชวังนิ่งเฉยเย็นชาต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ในที่สุดสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้ทรงมีพระราชดำรัสผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และทรงแสดงการไว้อาลัยต่อการจากไปของพระสุนิสาและให้คำมั่นอีกครั้งว่า สถาบันกษัตริย์จะปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากยิ่งขึ้น

นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้สถาบันกษัตริย์อังกฤษในช่วงปลายรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะไม่ได้แข็งแกร่งมั่นคงเหมือนดังช่วงต้นรัชสมัย แต่ทรงตั้งพระทัยจะให้สถาบันกษัตริย์ยังคงเป็นที่เคารพรักของชาวอังกฤษต่อไปตราบนานเท่านาน

โดย ดาโน โทนาลี

Leave a comment