มะเร็งต่อมนํ้าเหลืองคืออะไร

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/685606

มะเร็งต่อมนํ้าเหลืองคืออะไร

มะเร็งต่อมนํ้าเหลืองคืออะไร

วันอังคาร ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเกิดจากเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกายคนเราที่เรียกว่า ลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ตามปกติเซลล์เหล่านี้พบได้ในต่อมน้ำเหลือง ม้าม ต่อมไทมัส ไขกระดูก และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อคนเราเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแสดงว่าเซลล์ ลิมโฟไซต์เหล่านี้มีการเจริญเพิ่มจำนวนมากขึ้นที่ร่างกายคนเราไม่สามารถควบคุมได้

แบ่งได้เป็นชนิดใหญ่ๆ ได้ 2 ชนิดคือ non-Hodgkin และ Hodgkin

non-Hodgkin และ Hodgkin lymphoma เกิดจากชนิดของ lymphocytes ที่แตกต่างกันทำให้มะเร็งต่อมน้ำเหลืองแต่ละชนิดเจริญเติบโตแพร่กระจายได้รวดเร็วแตกต่างกันและตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกัน

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองส่วนใหญ่รักษาได้ง่ายขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองซึ่งจะมียาที่รักษาแตกต่างกันซึ่งแพทย์ผู้รักษาจะเลือกการรักษาที่เหมาะสมและได้ผลดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน

สาเหตุ

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

บุคคลที่อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้แก่

1.อายุมากกว่า 60 ปี มีโอกาสเป็นชนิด non-Hodgkin lymphoma ได้มากกว่า

2.อายุระหว่าง 15-40 ปี มีโอกาสเป็นชนิด Hodgkin lymphoma ได้มากกว่า

3.ผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิงของชนิดย่อยของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิด

4.ผู้ที่มีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV/AIDS ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือเป็นโรคที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องตั้งแต่เกิด

5.ผู้ที่เป็นโรคของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น rheumatoid arthritis, Sjogren syndrome, lupus หรือ celiac disease

6.ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสอยู่ เช่น Epstein-Barr, hepatitis C

7.ผู้ที่มีญาติใกล้ชิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

8.ผู้ที่สัมผัส benzene หรือยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าหญ้า

9.ผู้ที่เคยรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองมาก่อน

10.ผู้ที่เคยรักษามะเร็งชนิดอื่นๆ ด้วยการฉายรังสี

อาการ

สิ่งบอกเหตุว่าอาจจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้แก่

1.มีก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองโตขึ้นที่บริเวณคอ รักแร้ หรือ ขาหนีบ โดยมากมักไม่มีอาการเจ็บหรืออาการอักเสบ

2.มีไข้

3.ไอ

4.เหงื่อออกกลางคืน

5.อ่อนเพลีย

6.น้ำหนักลดลง

7.คันตามตัว

หากท่านมีอาการเหล่านี้อยู่โดยไม่หายไปเองควรพบแพทย์

พลโท รองศาสตราจารย์ นายแพทย์วิชัย ประยูรวิวัฒน์

ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

Leave a comment