#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/690157

‘ขาดทุนของฉัน คือกำไรของแผ่นดิน’พระราชเสาวนีย์ที่ชุบชูชีวิตนาฏศิลป์ชั้นสูงของแผ่นดินให้ยืนยาว
วันเสาร์ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 06.00 น.
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้การแสดงโขน นาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยดำรงคงอยู่คู่สังคมไทยตราบนานเท่านาน จึงทรงขอให้ผู้รู้ผู้ชำนาญด้านศาสตร์และศิลป์ทุกแขนงที่เกี่ยวข้องกับโขนมารวมตัวศึกษาและค้นคว้าการแสดงโขนตามขนบประเพณีแต่โบราณของไทย แล้วต่อจากนั้น เมื่อปี 2550ก็มีการจัดแสดงโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ขึ้นเป็นครั้งแรก และแสดงสืบต่อมาจนปัจจุบัน
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย นำคุณไปกราบเรียนสนทนาเรื่อง โขนรามเกียรติ์ตอนสะกดทัพ กับ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
l กราบเรียนถามท่านผู้หญิง โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จัดแสดงด้วยวัตถุประสงค์ใด และแสดงครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ใด ครับ
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ : สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงมีพระราชเสาวนีย์เรื่องการอนุรักษ์การแสดงโขนรามเกียรติ์ให้ถูกต้องตามแบบแผนขนบประเพณีของไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เพราะในช่วงเวลานั้นทรงเห็นว่าผู้คนไม่ค่อยนิยมชมการแสดงโขน จึงทรงเกรงว่าหากปล่อยไว้เช่นนั้นในที่สุดแล้วการแสดงโขนอาจจะเลือนหายไปจากแผ่นดินไทย และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กราบบังคมทูลว่าความนิยมชมการแสดงโขนในสังคมไทยลดลง ทั้งสองพระองค์มีพระราชประสงค์จะอนุรักษ์การแสดงนี้ไว้ ในครั้งนั้นทรงมอบหมายให้อาจารย์สมิทธิศิริภัทร์ อดีตอาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ไปตั้งคณะทำงานศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลการแสดงโขนของไทยตั้งแต่สมัยโบราณทุกแง่ทุกมุม เพื่อให้สามารถสืบสานนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยไว้ให้ครบถ้วนมากที่สุด คณะทำงานลงมืองานอย่างแข็งขันมาจนถึงปี 2550 จึงได้จัดการแสดงโขนรามเกียรติ์ตอนแรกขึ้นคือตอนพรหมาศ นับจากนั้นโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ก็จัดแสดงต่อเนื่องมาทุกปี ยกเว้นในบางปีที่มีเหตุขัดข้องก็ไม่สามารถแสดงได้ เช่นในช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นต้น มาในปี 2565 ได้นำตอนสะกดทัพมาจัดแสดง โดยเริ่มเปิดการแสดงให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2565 สำหรับตอนสะกดทัพนี้คณะผู้จัดได้อัญเชิญบทพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มาดำเนินเรื่อง หลายคนอาจถามว่าเป็นตอนเดียวกับที่เคยแสดงไปเมื่อปี 2554 ที่ใช้ชื่อตอนศึกมัยราพณ์ใช่หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าเป็นตอนเดียวกัน แต่ทว่าตอนศึกมัยราพณ์นั้นอัญเชิญบทพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาดำเนินเรื่อง ซึ่งบทพระราชนิพนธ์ทั้งสององก์นั้นมีความแตกต่างในรายละเอียดบางประการ เช่น ตัวสะกดคำว่ามัยราพณ์กับไมยราพ และรายละเอียดเครื่องแต่งกายของไมยราพในพิธีปรุงยาก็ต่างกัน เป็นต้น

l จุดเด่นประการหนึ่งของโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ คือความอลังการ ความสมจริงในการแสดง พัสตราภรณ์ ศิราภรณ์ที่งดงามมาก บทร้องและดนตรีบรรเลงสดที่แสนไพเราะ บทพากย์ ฉาก แสง สี และเสียง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องอาศัยสรรพกำลังจากช่างศิลป์แขนงต่างๆ มารวมตัวกัน ซึ่งทุกคนล้วนตั้งใจทำถวายพระองค์ท่านด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ : คณะทำงานโขนของมูลนิธิฯได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาร่วมทำงานถวายเช่น จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ทั่วประเทศ เป็นต้น และยังได้รับความร่วมมือจากครูช่างจากทุกแขนงด้วย ส่วนเรื่องของนักแสดงนั้นได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปอย่างมากมาย เมื่อเราประกาศรับสมัครตัวแสดงเพื่อคัดเลือก ก็มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทั้งเด็กและเยาวชน และคนที่อยู่ในวัยต่างๆ เช่น บางคนเรียนจบจากวิทยาลัยนาฏศิลป์แล้ว หรือบางคนทำงานแล้ว เป็นครูอาจารย์ในสถาบันทางด้านนาฏศิลป์ก็มาสมัคร แต่ละคนมีพื้นฐานความรู้
ด้านการแสดงที่หลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ ตั้งใจทำงานนี้เพื่อถวายพระองค์ท่าน ในการแสดงตอนล่าสุดนี้ เราไม่ได้ประกาศให้ผู้คนสมัครเข้าร่วมการแสดง เนื่องจากติดปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19ก็จึงเลือกตัวแสดงที่เคยร่วมงานกันเรามาก่อนแล้ว แต่สิ่งที่น่าปลื้มใจมากคือมีผู้แสดงความจำนงต้องการร่วมงานกับเราจำนวนมาก และที่น่าประทับใจคือเราได้ตัวแสดงเป็นมัจฉานุซึ่งเป็นเด็กน้อยอายุ 9-11 ขวบมาร่วมด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจโขนของมูลนิธิฯ มากขึ้นเป็นลำดับ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก
l กล่าวได้ว่าการจัดแสดงโขนในแต่ละครั้งนั้นต้องใช้สรรพกำลังจากผู้คนในแขนงวิชาต่างๆ นับพันคนเห็นจะได้ เช่นมาจากงานผ้า งานเครื่องประดับงานฉาก งานออกแบบท่าร่ายรำ และมีตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ตัวแสดงหลักๆ ในแต่ละตอนก็ต้องมีการเลือกตัวแสดงเผื่อไว้อย่างน้อยๆ 5-6 คน เช่นมัจฉานุก็เลือกไว้ถึง 7 คน หนุมานก็เลือกไว้ 4-5 คนโดยเฉพาะหนุมานและตัวของไมยราพในตอนนี้ก็มีหลายตัว เป็นต้น
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ : ใช่ค่ะ เป็นความจริงว่าการแสดงโขนแต่ละตอนนั้นคือการระดมสรรพกำลังจากช่างแขนงต่างๆ มารวมตัวทำงานใหญ่ด้วยกัน เริ่มตั้งแต่การอัญเชิญบทพระราชนิพนธ์มาจัดแสดง จากนั้นก็ต้องอาศัยฝีมือของช่างเขียน ช่างปั้น ช่างแกะ ช่างหล่อช่างกลึง ช่างทอผ้า ช่างทำหัวโขน และผู้ออกแบบการแสดงในแต่ละฉาก เป็นต้น และเรายังนำสมาชิกของศิลปาชีพแขนงต่างๆ จากทั่วประเทศมาร่วมงานด้วย จึงเป็นเสมือนการสืบสานงานศิลป์ของแผ่นดินไปโดยปริยาย การแสดงโขนของเราเน้นในเรื่องจารีตประเพณีเป็นสำคัญ จะเห็นได้จากเครื่องทรงของตัวละครเอกแต่ละตัวจะเคร่งครัดตามจารีตประเพณี พัสตราภรณ์จะต้องเป็นสีตามที่กำหนดมาตั้งแต่โบราณ ศิราภรณ์ก็ต้องถูกต้องตามหลักเช่นกัน นี่คือการสืบทอดงานศิลป์สำคัญของแผ่นดินไทย โดยระดมสรรพกำลังมาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น มุกดาหาร สกลนคร กาฬสินธุ์ อ่างทอง นครศรีธรรมราช เป็นต้น เช่น ผ้ายอทอจากบ้านเนินธัมมัง นครศรีธรรมราช ที่เราต้องกลับไปรื้อฟื้นการทอผ้าของบ้านเนินธัมมังโดยใช้เวลาเป็นสิบปี กว่าจะได้งานสำคัญชิ้นนี้กลับคืนมา การที่คนมากมายตั้ง 700-800 คน มาร่วมมือร่วมใจร่วมกันทำงานนี้ได้สำเร็จเป็นอย่างดี ก็เพราะทุกคนทำด้วยหัวใจเพื่อถวายแด่พระองค์ท่านเพราะทุกคนมีพระองค์ท่านทรงเป็นหลักชัย เป็นศูนย์รวมจิตใจ จึงทำงานได้ลุล่วงสำเร็จด้วยดี
.jpg)
l ผมได้สนทนากับนักแสดงหลายราย โดยเฉพาะรายที่เคยถวายการแสดงหน้าพระที่นั่ง เมื่อครั้งสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จฯทอดพระเนตร ทุกคนบอกว่าเป็นเกียรติประวัติ เป็นมงคลสูงสุดของชีวิตและจะจดจำไว้ตลอดไป ผมขอกราบเรียนถามท่านผู้หญิงว่า เหตุใดการแสดงจึงมีระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด หลายคนฝากมากราบเรียนว่าอยากให้การแสดงยาวนานกว่านี้ เพื่อให้ผู้คนได้มีโอกาสชมการแสดงสำคัญนี้มากขึ้น
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ : เหตุผลที่เราไม่สามารถแสดงได้ยาวนานกว่านี้เพราะไม่มีสถานที่ เนื่องจากหอประชุมใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยมีตารางการจองไว้ตลอดปี สำหรับการแสดงของเรานั้นกำหนดไว้ทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งก็ได้เวลาประมาณ 1 เดือนเท่านั้น จะใช้เวทีนานกว่านี้ไม่ได้ เนื่องจากมีงานอื่นจับจองไว้ สำหรับปีนี้การแสดงของเราจะสิ้นสุดในวันที่ 5 ธันวาคม 2565 และก็ขอเรียนให้ทราบว่านักแสดงของเรานั้นทุกคนยังมีภารกิจต้องทำบางคนรับราชการเป็นครูอาจารย์ในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และวิทยาลัยนาฏศิลป์ บางรายทำอาชีพอื่นๆ บางรายยังเป็นนักเรียนนักศึกษา เพราะฉะนั้นจึงต้องกลับไปทำหน้าที่เดิมหลังจบการแสดงในปีนี้ นี่คือข้อจำกัดทำให้ไม่สามารถแสดงได้ยาวนานกว่านี้
l กราบเรียนถามท่านผู้หญิงว่าเหตุใดจึงไม่เก็บค่าเข้าชมราคาแพงกว่าที่เก็บอยู่ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสร้างงานนี้จำนวนมิใช่น้อย แต่ขายบัตรราคาถูกมาก
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ : สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตรัสว่า ต้องการให้คนไทยที่มีรายได้ไม่มากได้มีโอกาสชมการแสดงนี้ หากจำหน่ายบัตรราคาแพงมากๆ ก็จะทำให้ผู้ชมที่มีกำลังซื้อไม่มากเดือดร้อน และไม่สามารถชมได้ และตรัสด้วยว่า ขาดทุนของฉัน คือกำไรของแผ่นดิน จึงทรงย้ำไม่ให้จำหน่ายบัตรราคาแพงมากจนเกินไป เพราะในการแสดงโขนแต่ละรอบนั้นเราได้เห็นว่ามีการพาคุณพ่อคุณแม่ พาคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย และลูกๆ หลานๆ มาชมโขนด้วย ซึ่งถือเป็นความอบอุ่นของครอบครัว ดังนั้นหากจำหน่ายบัตรแพงเกินไปก็จะเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ชมก็ต้องบอกคุณเฉลิมชัยตรงๆ ว่า การทำงานของเรานั้นไม่เคยมีกำไร และไม่เคยเน้นการแสวงหากำไร แต่ทำเพื่อสืบสานงานศิลป์ชั้นสูงของแผ่นดินไทยให้ดำรงต่อไป ในการแสดงแต่ละฉากนั้นเราตั้งใจทำให้สมศักดิ์ศรีของงานศิลป์ชั้นสูงของชาติของเรา ไม่ว่าจะความสมจริงของฉาก แสง สี เสียง และตัวแสดงนับร้อยบนเวที ทั้งนี้ยังไม่นับรวมเบื้องหลังการแสดงที่ต้องใช้ผู้คนอีกหลายร้อยชีวิต ทุกอย่างต้องลงทุนทั้งสิ้น แต่พระองค์ท่านมีพระราชประสงค์ให้งานศิลป์นี้อยู่คู่กับสังคมไทย จึงทรงเน้นให้คนไทยสามารถเข้าชมได้โดยไม่ต้องเสียเงินที่แพงเกินไป มีผู้ชมจำนวนมากที่ชมการแสดงของเราแล้วก็บอกกับดิฉันว่า ขึ้นราคาบัตรเข้าชมได้แล้ว เพื่อจะได้มีงานดีๆ เช่นนี้ให้ดูไปนานๆ เมื่อกราบบังคมทูลพระองค์ท่าน พระองค์ก็ทรงคำนึงถึงผู้มีรายได้น้อยไม่ทรงต้องการให้เสียค่าชมเป็นเงินมากๆ คณะผู้จัดงานจึงสนองพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านเสมอมา
l ทราบว่าฉากต่างๆ ที่ใช้แสดงโขนตอนต่างๆ ที่จัดแสดงไปแล้ว รวมถึงพัสตราภรณ์ ศิราภรณ์ถูกนำไปเก็บและแสดง ณ อาคารเรียนรู้เรื่องโขนที่ศูนย์ศิลปาชีพ เกาะเกิด บางปะอิน พระนครศรีอยุธยาใช่ไหมครับ
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ : ค่ะ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ต้องการให้ผู้ชมและผู้สนใจตามไปชมไปศึกษาเรื่องราวของโขนศิลปาชีพฯ ที่อาคารเรียนรู้เรื่องโขน หลังจากชมการแสดงเสร็จสิ้นแล้ว โดยเราเก็บฉากสำคัญๆ ของโขนทุกตอนไว้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ไปชมอย่างใกล้ชิด และศึกษารายละเอียดการทำฉาก และเพื่อให้ได้เห็นเบื้องหลังของการจัดการแสดงโขนด้วย ที่อาคารเรียนรู้เรื่องโขนนั้นผู้ที่ไปชมจะได้พบกับหุ่นหนุมานตัวโตเท่าตึกหลายชั้นผีเสื้อสมุทรตัวโต พลับพลา และท้องพระโรงในการแสดงด้วยขอเรียนเชิญพาลูกหลานไปชมที่อาคารเรียนรู้เรื่องโขนที่เกาะเกิด บางปะอิน เป็นที่น่าชื่นชมว่ามีเด็กนักเรียนและเยาวชน ไปชมกันเป็นจำนวนมาก โดยไปเป็นหมู่คณะโดยคุณครูพาไปชม เด็กและเยาวชนหลายคนได้รับแรงบันดาลใจจากการไปชมแล้วกลับไปศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของโขนต่อ ทำให้เราภาคภูมิใจมากค่ะ

l องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประกาศให้โขนของไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี 2561 สิ่งนี้เป็นเรื่องที่มาจากการนำเสนอโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ด้วย ท่านผู้หญิงจะกรุณากล่าวถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ : เป็นที่น่ายินดีที่ UNESCO ประกาศให้โขนไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติเมื่อปี 2561 และก็ต้องบอกว่ารู้สึกยินดีมากที่การแสดงโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ช่วยจุดประกายให้คนไทยจำนวนมากหันมาสนใจชมการแสดงโขนกันอย่างคึกคัก เท่ากับช่วยชุบชูชีวิตการแสดงโขนให้ยาวนานสืบไป ซึ่งทั้งนี้ก็ล้วนมาจากพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานเพื่อชุบชูให้โขนกลับมาเป็นที่นิยมของประชาชนอีกครั้ง ทำให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของมรดกชาติชิ้นนี้ และร่วมกันรักษาไว้ แต่ย้ำว่ารางวัลที่ได้นั้นไม่ใช่ของโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ แต่เป็นรางวัลของโขนไทย เป็นรางวัลของบ้านเมืองของเราทุกคน
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 14.05-14.30 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTubeไลฟ์ วาไรตี





