Life & Health : ความก้าวหน้าในการรักษาต่อมลูกหมากโต

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/738579

Life & Health : ความก้าวหน้าในการรักษาต่อมลูกหมากโต

Life & Health : ความก้าวหน้าในการรักษาต่อมลูกหมากโต

วันพุธ ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.15 น.

โรคต่อมลูกหมากโต เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม หากเป็นแล้วแต่ไม่รีบรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาและทำให้การรักษามีความซับซ้อนมากขึ้นปัจจัยหลักเกิดจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชายเมื่ออายุมากขึ้น

ข้อมูลจาก นพ.สันตพล ชำนาญไพรศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะโรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า ตำแหน่งของต่อมลูกหมากจะอยู่ในบริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ ไม่สามารถมองเห็นหรือคลำได้จากภายนอกร่างกาย ทำหน้าที่สร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ ส่วนโรคต่อมลูกหมากโต จะเกิดจากเซลล์ต่อมลูกหมากที่เพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้นโดยเฉพาะในผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปส่งผลให้ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่และอาจไปกดเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลง ทำให้การปัสสาวะมีปัญหา โดยอาการของโรคต่อมลูกหมากโต มีดังนี้

l ปัสสาวะติดขัด

l ปัสสาวะไม่พุ่ง ต้องออกแรงเบ่ง

l ปัสสาวะบ่อยเวลากลางวัน หรือต้องลุกเวลากลางคืนมากกว่า 1 ครั้ง

l ปวดต้องปัสสาวะทันที กลั้นปัสสาวะลำบาก

l ปัสสาวะไม่สุด หรือปัสสาวะแล้วแต่หยดตามมา

l ปัสสาวะนานผิดปกติ

l ปัสสาวะปนเลือด

l ปริมาณการหลั่งน้ำอสุจิลดลง

การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโตนั้นแพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด รวมถึงการตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนัก การตรวจปัสสาวะโดยกล้องจุลทรรศน์ การตรวจค่าการทำงานของไต และการตรวจเลือดเพื่อดูระดับ PSA (Prostate Specific Antigen) หรือสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนั้นแล้วยังอาจมีการตรวจเพิ่มเติม ได้แก่ การวัดอัตราไหลของปัสสาวะ การวัดปริมาณปัสสาวะคงค้างหลังปัสสาวะ และการส่องกล้อง เป็นต้น

วิธีการรักษาต่อมลูกหมากโตที่นิยมทั่วไป มีตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดการดื่มน้ำในช่วงกลางคืนหรือลดเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ เป็นต้น ให้รับประทานยาคลายการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อต่อมลูกหมากเพื่อช่วยให้อาการปัสสาวะติดขัดดีขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องรับประทานแบบต่อเนื่อง แต่ในรายที่มีอาการรุนแรง เช่น ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดต่อมลูกหมากด้วยการส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา เช่น การติดเชื้อหรือภาวะไตเสื่อม เป็นต้น

แต่ในปัจจุบัน เนื่องจากความก้าวหน้าทางการแพทย์จึงมีทางเลือกในการรักษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ไม่ต้องผ่าตัด เป็นการใช้ ระบบไอน้ำลดขนาดต่อมลูกหมาก หรือ Rezum Water Vapor Therapy เพื่อให้ต่อมลูกหมากมีขนาดเล็กลงและท่อปัสสาวะกว้างขึ้น โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือและกล้องสอดผ่านท่อปัสสาวะเข้าไปยังต่อมลูกหมาก จากนั้นจะฉีดไอน้ำที่มีอุณหภูมิ 106 องศาเซลเซียส เข้าไปในต่อมลูกหมากประมาณ 6-10 ครั้ง ครั้งละ 9 วินาที โดยไอน้ำที่มีความร้อนจะกระจายไปทำลายเซลล์ของต่อมลูกหมาก ทำให้เซลล์ที่อุดตันท่อทางเดินปัสสาวะตายไป จากนั้นร่างกายจะกำจัดเซลล์ที่ตายออกไปตามธรรมชาติ โดยผู้ป่วยที่จะรักษาด้วยวิธีนี้จะได้รับการประเมินความพร้อมของร่างกายก่อนการทำ Rezum Water Vapor Therapy ได้แก่

l การตรวจเอกซเรย์

l การตรวจเลือด

l การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

การรักษาด้วยระบบไอน้ำ เป็นวิธีที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ในการทำ ผู้ป่วยไม่ต้องวางยาสลบและไม่ต้องนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลเพียงแค่นอนพักฟื้นหลังการรักษาระยะเวลาสั้นๆ และสามารถกลับบ้านได้ในวันที่เข้ารับการรักษา โดยหลังการรักษาแพทย์จะใส่สายสวนปัสสาวะแบบคาสายปัสสาวะให้กับผู้ป่วยไว้ประมาณ 7 วัน เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องถ่ายปัสสาวะเอง ทำให้อาการบวมหายเร็วขึ้นและการฟื้นตัวเร็วขึ้น เมื่อครบ 7 วัน แพทย์จะนัดมาตรวจติดตามและเอาสายสวนปัสสาวะออก ผู้ป่วยอาจรู้สึกปัสสาวะลำบากบ้างในช่วงแรกเนื่องจากยังมีอาการบวมและอาจมีอาการแสบร้อนระหว่างปัสสาวะ รวมถึงมีเลือดปนออกมาในปัสสาวะเล็กน้อยประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์และส่วนใหญ่หายเป็นปกติภายใน 6 สัปดาห์ และให้ผลลัพธ์เป็นเวลา 5 ปี โดยจะมีการตรวจติดตามทุก 2-5 ปี ซึ่งผลข้างเคียงของการรักษาที่เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์น้อยกว่าวิธีรักษาแบบมาตรฐานค่อนข้างมาก โดยหลังการรักษาผู้ป่วยจำเป็นต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ได้แก่

l การรับประทานยาปฏิชีวนะตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

l หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาระงับปวดได้

l การดูแลสายสวนปัสสาวะตามที่พยาบาลแนะนำ

เทคโนโลยีไอน้ำนี้ เหมาะกับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีต่อมลูกหมากโตขนาด 30-80 กรัม โดยผู้ป่วยเคยรักษาด้วยยาแต่ไม่ตอบสนองต่อยาหรือมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา และไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดที่ต้องวางยาสลบเป็นเวลานานได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยต้องไม่มีปัญหาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและไม่มีการใส่อวัยวะเพศเทียม

โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่ไม่ควรละเลย พบได้บ่อยในผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไปเพราะหากเป็นแล้วแต่ไม่รีบรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาและทำให้การรักษามีความซับซ้อนมากขึ้น จึงอยากแนะนำให้ลองสังเกตอาการปัสสาวะของตัวเอง หากมีความผิดปกติควรรีบมาตรวจวินิจฉัย เพราะการป้องกันและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ย่อมให้ประสิทธิภาพการรักษาที่ดีกว่า

ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์

ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ

Leave a comment