
ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา
วันอาทิตย์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
1.โดยที่หน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจมหาวิทยาลัย ตลอดจนองค์กรอิสระต่างๆ ก็จะมีบุคลากรของตนเองไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ พนักงานตลอดจนลูกจ้างร่วมทำงานตามหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมายต่างก็มีโอกาสเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ของตนทั้งในทางวินัยหรือคดีอาญาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบทำให้หน่วยงานนั้นๆ ได้รับความเสียหายผู้บังคับบัญชาจะต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและคดีอาญาไปด้วยกัน
2.ในกระบวนการสอบสวนพิจารณาโทษทางวินัยมีขั้นตอนการดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่จำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนสมบูรณ์ประกอบการพิจารณาโทษทางวินัยต่อไป ทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการจนกระทั่ง นายกรัฐมนตรีได้หยิบประเด็นนี้ไปเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2497 ว่า การสอบสวนพิจารณาโทษทางวินัย ควรจะเร่งรัดการสอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ไม่ควรปล่อยให้เรื่องคั่งค้างอยู่เป็นเวลานานหลายๆ เดือนหรือแรมปีซึ่งทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเดือดร้อน และทางราชการก็ขาดผู้ปฏิบัติงาน
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอและให้กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ถือเป็นหลักปฏิบัติในการสอบสวนพิจารณาโทษข้าราชการต่อไป
(มติคณะรัฐมนตรีตามหนังสือกรมสารบรรณคณะรัฐมนตรี ฝ่ายบริหารที่ น.ว.41/2497 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2497)
3.ต่อมามีผู้ร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากการถูกสั่งให้พักราชการนานเกินสมควร คงจะเนื่องจากเจ้าหน้าที่เพิกเฉยไม่เอาใจใส่ไม่หยิบยกเรื่องขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จไป ทำให้ผู้ร้องได้รับความลำบาก ระหว่างถูกกล่าวหาจนกระทั่งถูกส่งตัวดำเนินคดีอาญา หลังจากนั้นศาลพิพากษาว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ การถูกสั่งให้พักราชการ ทำความเดือดร้อนต่อการครองชีพเป็นอย่างยิ่ง
(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)