
LIFE&HEALTH : รู้จักโรคไทรอยด์ต่ำ: สาเหตุ อาการ และการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี
วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
ฮอร์โมนไทรอยด์ ทำหน้าที่สำคัญมากในร่างกายเกี่ยวกับการควบคุมการเจริญเติบโต พัฒนาการของสมองในทารก ควบคุมกระบวนการเมแทบอลิซึม (metabolism) ของคาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีน ฮอร์โมนไทรอยด์ทำให้มีการเพิ่มการใช้ออกซิเจนของร่างกายและเพิ่มการสร้างความร้อนในร่างกาย และมีผลควบคุมอุณหภูมิร่างกาย (thermogenesis) ด้วย นอกจากนั้นทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโต การพัฒนาและการทำงานของเนื้อเยื่อทุกส่วนในร่างกาย โดยเฉพาะในระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ กระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีน และการหลั่งและการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเกี่ยวกับการเติบโต (growth hormone) ต่อเนื้อเยื่อต่างๆ การขาดฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้ผู้ป่วยมีการทำงานของร่างกายผิดปกติการทำหน้าที่ต่างๆในร่างกายทำงานช้าลง โดยเฉพาะในทารกแรกเกิดและเด็ก การขาดฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “cretinism” ผู้ป่วยจะมีตัวเตี้ยแคระเกร็น (dwarfism) และมีภาวะผิดปกติของสมอง
.jpg)
ข้อมูลจาก รศ.ดร. ภญ.วิลาสินี หิรัญพานิช ซาโตะ ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า โรคที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ (hyperthyroidism) และภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ (hypothyroidism) นอกจากนั้นยังพบความผิดปกติอื่นๆ ได้แก่ โรคก้อนที่ต่อมไทรอยด์ (thyroid goiter) และ โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ (thyroid cancer) เป็นต้น
โรคไทรอยด์ต่ำ (hypothyroidism) คืออะไร
ภาวะที่มีการสร้างและหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการพูดช้า ทำงานช้า รู้สึกขี้หนาว ท้องผูก น้ำหนักตัวเพิ่มทั้งๆที่ไม่ได้รับประทานอาหารมากกว่าปกติ ตัวบวม มีเลือดประจำเดือนมากกว่าปกติ ผิวหนังหยาบแห้ง เป็นต้น สาเหตุของโรคไทรอยด์ต่ำ เกิดได้หลายสาเหตุได้แก่
- การอักเสบของต่อมไทรอยด์ สาเหตุจากภาวะความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน (autoimmune disease) มีการสร้างแอนติบอดี (antibody) ทำลายฮอร์โมนไทรอยด์ด้วยภูมิคุ้มกันของตัวเอง ซึ่งเรียกภาวะนี้ว่า “Hashimoto’s disease”
- ผลจากการรักษาภาวะไทรอยด์สูง เช่น การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออก การรักษาด้วยการฉายรังสีที่ทำให้เกิดการทำลายเนื้อต่อมไทรอยด์ หรือผลการรักษาด้วยยาต้านไทรอยด์ที่ส่งผลทำให้มีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ เป็นต้น
- การขาดสารอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไอโอดีนเป็นส่วนประกอบ
- ต่อมไทรอยด์อักเสบ (thyroiditis หรือ inflammation of thyroid)
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคไทรอยด์ต่ำ
- อาการแสดง ได้แก่ น้ำหนักขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ผิวแห้ง ขี้หนาว ผมบาง พูดช้า ทำงานช้า คิดช้า ท้องผูก ปวดเมื่อยตามตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดข้อ ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือมาปริมาณมากกว่าปกติ มีการสะสมของสารมูโคโพลีซักคาไรด์ (mucopolysaccharide) ตามชั้นผิวหนัง ทำให้หน้าบวม หนังตาบวม ผิวหนังหยาบแห้ง เสียงแหบ หรือเสียงขึ้นจมูก มีอาการคัดจมูก บางคนมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า เป็นต้น อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยบางรายไม่มีอาการแสดงชัดเจน เนื่องจากอาการโรคมีลักษณะที่ไม่จำเพาะทำให้วินิจฉัยได้ยาก ส่วนใหญ่ต้องมีการตรวจระดับฮอร์โมนในเลือดเพื่อวินิจฉัยยืนยันผล
- ผลทางห้องปฏิบัติการ ผลการตรวจเลือดจะพบระดับของ free thyroxine (T4) และ T3 ลดลง ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของระดับ TSH มากขึ้น นอกจากนั้นการวัด anti-thyroid antibody หากพบ TPO antibodies ให้ผลบวกจะช่วยวินิจฉัยว่าเป็น Hashimoto’s thyroiditis
เป้าหมายการรักษาและแนวทางการรักษา
ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ต่ำส่วนใหญ่มักเป็นชนิดถาวรและต้องการการรักษาในระยะยาว จุดประสงค์ของการรักษาที่สำคัญคือต้องการฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน เพื่อชดเชยการขาดฮอร์โมนไทรอยด์เพื่อทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายกลับคืนสู่ภาวะปกติ การรักษาทำโดยการให้ฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน รูปแบบยาเตรียมที่เป็นทางเลือกคือ levothyroxine หรือ T4 โดยต้องปรับขนาดยาให้เหมาะสมตามผู้ป่วยแต่ละราย ส่วนใหญ่รับประทานยาวันละครั้ง สำหรับผู้ป่วยที่สูงอายุ และผู้ป่วยโรคหัวใจ ต้องลดขนาดยาลง ทั้งนี้เนื่องจากผู้ป่วยสูงอายุมีความไวต่อฮอร์โมนมาก และหากมีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับโรคหัวใจแพทย์อาจจะพิจารณาหยุดใช้หรือลดขนาดยาลง
.jpg)
ฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนสำหรับรักษาภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำมีอาการไม่พึงประสงค์อะไรบ้าง
- อาการไม่พึงประสงค์จากการรับประทานฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนที่อาจพบ ได้แก่ อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งควรต้องระวังการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคหัวใจอยู่แล้ว
- อาการไม่พึงประสงค์อื่นๆที่อาจพบโดยเฉพาะการได้รับในขนาดสูง ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะคล้ายกับการมีฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไปในร่างกาย ได้แก่ หัวใจเต้นเร็ว อาการกังวล เหนื่อยง่าย หงุดหงิด นอนไม่หลับ กระวนกระวาย หิวบ่อย น้ำหนักลงลง มวลกระดูกลดลง เป็นต้น
ยาอะไรบ้างที่เกิดอันตรกิริยากับฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน
- ฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน (T4) เมื่อให้โดยการรับประทาน จะถูกดูดซึมได้ดีในลำไส้เล็ก อย่างไรก็ตามการรับประทานร่วมกับยาหรืออาหารบางชนิดอาจมีผลรบกวนการดูดซึมของ T4 ได้เช่น ยาลดกรด แคลเซียม ธาตุเหล็ก ยาชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะที่มีประจุในโครงสร้าง เช่น sucralfate, cholestyramine, colestipol เป็นต้น โดยหากจำเป็นต้องรับประทานร่วมกัน ควรรับประทานห่างกันอย่างน้อย 2-4 ชม.
- ยาที่มีผลรบกวนกระบวนการเมแทบอลิซึมของ T4 เช่น ยาที่มีฤทธิ์เหนี่ยวนำเอนไซม์ที่เร่งการทำลาย T4 (enzyme inducer) เช่น rifampin, phenobarbital, carbamazepine, phenytoin เป็นต้น
การติดตามผลการรักษาหลังการรับประทานฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน
- ติดตามค่า TSH, T3 และ T4 ในเลือดหลังจากรักษาด้วยยานาน 6-8 สัปดาห์ และสังเกตอาการแสดง
ควรปฏิบัติตนอย่างไรขณะใช้ยารักษาโรคไทรอยด์ต่ำ
- ควรรับประทานยา levothyroxine ก่อนอาหารนานประมาณ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงพร้อมน้ำเปล่า (ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมนม) หลีกเลี่ยงการรับประทานยาร่วมกับยาชนิดอื่นๆที่อาจเกิดอันตรกิริยาระหว่างยา และแนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวันเพื่อให้ยาในร่างกายมีระดับคงที่
- รับประทานยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง อย่าปรับขนาดยาเอง และห้ามหยุดรับประทานยาเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์แม้อาการดีขึ้นแล้ว
- ตรวจติดตามวัดระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือด ติดตามวัดระดับ TSH และ free thyroxine เป็นระยะๆ (ทุก 4-6 เดือน) เพื่อแพทย์สามารถปรับขนาดยาให้เหมาะสม
- หากมีการตั้งครรภ์ หรือเกิดโรคประจำตัวอื่นโดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยา
- หลังรับประทานฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนแล้ว หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น น้ำหนักลดเร็ว นอนไม่หลับ เหงื่อออกมาก อ่อนเพลียผิดปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยา
- สามารถรับประทานอาหารตามปกติ โดยอาจเน้นอาหารที่มีไอโอดีน (ในปริมาณที่เหมาะสม) เช่น เกลือเสริมไอโอดีน สาหร่ายทะเล ปลา การรับประทานผักและผลไม้สด การออกกำลังกาย และควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอวันละ 6-8 แก้ว จะช่วยควบคุมสมดุลร่างกาย และควบคุมน้ำหนักตัว
.jpg)
โดยสรุปโรคไทรอยด์ต่ำ สามารถรักษาได้ด้วยยาฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน ผู้ป่วยไม่ควรกังวลมากเกินไป หากเกิดอาการผิดปกติหรือสงสัยควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ชัด ไม่ควรหาซื้อยามารับประทานเอง โดยหากตรวจวินิจฉัยโรคแล้วทราบผลความผิดปกติเร็ว การได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/service.php
ผ.ศ. (พิเศษ) ดร. เภสัชกร อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ