​บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ กัมพูชาอพยพ

​บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ กัมพูชาอพยพ

​บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ กัมพูชาอพยพ

วันเสาร์ ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ประวัติศาสตร์ของชาติกัมพูชาอันยาวนานนั้นเต็มไปด้วยความผันผวน การสู้รบ ความขัดแย้งภายใน และการแทรกแซงจากต่างชาติ  ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ต้องละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนออกไปแสวงหาที่ปลอดภัย หรือถูกกวาดต้อนไปใช้แรงงาน  ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโบราณจวบจนถึงยุคปัจจุบัน

1. ช่วงการล่มสลายของอาณาจักรขอมโบราณ

พ.ศ.1623  พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ที่เคยมีฐานอำนาจอยู่ที่เมืองพิมาย  ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์กัมพูชา ครองเมืองพระนคร  กษัตริย์ต่อมาคือพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2  (พ.ศ. 1650-1693) และ ชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ.1724-1761)  สร้างปราสาทหินนครวัด นครธม 

มีเรื่องเล่าที่ไม่มีหลักฐานประวัติศาสตร์ชัดเจนว่า  ใน พ.ศ. 1879  (ค.ศ. 1336) สมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 (ก่อนพระเจ้าอู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยา พ.ศ.1893) ได้เกิด การปฏิวัติครั้งใหญ่ที่กรุงกัมพูชาทำให้ราชวงศ์มหิธรปุระซึ่งครองอาณาจักรขอมโบราณที่เมืองพระนคร (นครวัด)ล่มสลายลง   โดยการลุกฮือของกลุ่มชาวนาหรือทาสชาวจาม นำโดย นายแตงหวาน (หรือ “พระบาทองค์ชัย ព្រះបាទអង្គជ័យ ) ซึ่งทรงเป็นต้นตระกูล ตระซ็อกประแอม ที่สืบเชื้อสายต่อมาถึงราชวงศ์นโรดมในปัจจุบัน  การปฏิวัติครั้งนั้น อาจจะทำให้ สมาชิกราชวงศ์และขุนนางจาก ราชวงศ์มหิธรปุระ จำนวนหนึ่ง ต้องอพยพหนีภัยจากพระนครหลวง  โดยใช้เส้นทางคมนาคมสำคัญในสมัยนั้น คือ ถนน “ราชมรรคา” จากเมืองพระนครมุ่งหน้าสู่ดินแดนทางเหนือที่เคยอยู่มาก่อนคือเมือง พิมาย และ พนมรุ้ง  และหนีไปทางราชอาณาจักรลาว หรือเวียดนาม       และพวกขแมร์ที่ครองแผ่นดินกัมพูชาสมัยต่อมาได้เลิกล้มประเพณีสร้างปราสาทหินในศาสนาพราหมณ์ฮินดูโดยเด็ดขาด ดังนั้นจึงเป็นที่น่าคิดว่า คนไทยในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ สมัยปัจจุบัน  ที่พูดภาษาแขมร์ถิ่นไทย ซึ่งไม่เหมือนกับสำเนียงคนขแมร์ในประเทศกัมพูชา   อาจเป็นคนพื้นเมืองโบราณที่อยู่บริเวณนั้นมาตั้งแต่ก่อนในสมัยอาณาจักรขอม   และส่วนหนึ่งอาจสืบเชื้อสายมาจากพวกขอมโบราณที่สร้างปราสาทหิน ซึ่งอพยพหนีภัยการปฏิวัติของพวกทาสจากนครวัดมาที่พิมาย     ส่วนพวกที่หนีไปทางประเทศลาว     อาจเป็นคนลาวที่ใช้ภาษากัมพูชารู้จักกันในชื่อ “เขมรลาว” (Khmer Lao) อยู่บริเวณจังหวัดพระวิหาร (Preah Vihear), รัตนคีรี (Ratanakiri) และสตึงแตรง (Stung Treng) และยังมีบางส่วนในจังหวัดบันเตียเมียนเจย (Banteay Meanchey) ด้วย   สำหรับพวกที่อพยพไปเวียดนาม  อาจเป็นชาวเวียดนามที่พูดภาษาเขมร ที่เรียกว่า “เขมรกรอม” (Khmer Krom) ซึ่งแปลว่า เขมรต่ำ เป็นชนพื้นเมืองเขมรที่อาศัยอยู่ในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (Mekong Delta) ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม

2. สมัยกรุงศรีอยุธยา   มีการส่งกองทัพกรุงศรีอยุธยา ไปโจมตีกัมพูชาหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง  ขุนหลวงพะงั่ว   และเจ้าสามพระยา ซึ่งสามารถตีกรุงศรียโสธรปุระ (พระนคร) ของกัมพูชาได้ในพ.ศ. 1974 (ค.ศ. 1431) และสมัย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงนำกองทัพเข้าโจมตีกรุงละแวก   สงครามเหล่านี้ส่งผลให้มีการกวาดต้อนเชลยศึกจำนวนมากมายังอยุธยา ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเขมรใกล้วัดค้างคาว  ชุมชนบ้านขอมที่ ต.สามเรือน อ.บางปะกิน        นอกจากนี้ ยังมีการอพยพของกลุ่มชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามจากเมืองพระนครลงใต้สู่พื้นที่ ปาสาน, จตุรมุข และสถาปนา พนมเปญ เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่

3. สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น  ในช่วงรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) และ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ไทยมีบทบาทในกิจการของกัมพูชา โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดแย้งกับเวียดนาม ทำให้เกิดการกวาดต้อนชาวเขมรจำนวนมากเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ต่างๆ รอบราชธานีของสยาม กลุ่มใหญ่ๆ ถูกนำมาไว้ที่  ราชบุรี (โพธาราม) นครปฐม  (นครชัยศรี ริมแม่น้ำท่าจีน)  กรุงเทพ (โบสถคอนเซปชั่น สามเสนและมิตตคาม)

4. สมัยสงครามเวียดนาม   ในช่วงพ.ศ   2503-2516    สงครามเวียดนามได้ลุกลามเข้ามาในกัมพูชา     นายพลลอนนอล ทำการปฏิวัติ เลิกล้มระบบกษัตริย์  ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐอเมริกา    สหรัฐอเมริกาใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดในพื้นที่ชนบทกัมพูชา  เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของเวียดกง (Ho Chi Minh Trail) การทิ้งระเบิดดังกล่าว สร้างความเสียหายและคร่าชีวิตประชาชนนับแสนคน ผลักดันให้ชาวนาจำนวนมากต้องไร้ที่อยู่และกลายเป็นแรงสนับสนุนให้กับกลุ่มกองโจรเขมรแดง  นำโดย พล พต   ในสมัยนี้ คนกัมพูชาที่อยู่บริเวณเส้นทางโฮจิมินห์ คงต้องอพยพหนีระเบิดไปอยู่ในที่ปลอดภัยบริเวณใกล้เคียง

5. สมัยเขมรแดง พ.ศ. 2518  พวกเขมรแดงยึดกรุงพนมเปญได้   สั่งอพยพคนจากเมืองใหญ่ไปทำไร่ไถนา   พวกปัญญาชน  ราชวงศ์  ผู้ใส่แว่นตา และประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ถูกจับขังคุกหรือสังหารไปราว 2 ล้านคน   ชาวกัมพูชาหนีตายมาสู่เมืองไทยทางจันทบุรี ตราด มีการตั้งค่ายอพยพที่บ้านเขาล้าน   โดยสมเด็จพระบรมราชินีสิริกิติ์ของประเทศไทยทรงช่วยเหลือดูแลผู้อพยพอย่างใกล้ชิด 

6. สมัยการรุกรานของเวียดนาม   พ.ศ. 2522  เฮงสัมรินและ ฮุนเซนนำทหารเวียดนามบุกกัมพูชาล้มล้างรัฐบาลเขมรแดง    พวกเขมรแดงและชาวกัมพูชากว่าแสนคน   หนีไปอยู่ที่อัลลองเวง  และตามค่ายอพยพชายแดนไทยที่สนับสนุนโดยสหประชาชาติ   เช่น บ้านหนองจาน  หนองเสม็ด • Site 2   Site 3

7. สมัยปัจจุบัน: การอพยพเพื่อหางานทำ     ชาวกัมพูชาจำนวนมาก (ประมาณ 5 แสนถึง 1 ล้านคน ) เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย พวกเขาทำงานในสาขาต่างๆ เช่น เกษตรกรรม (เก็บผลไม้), งานในโรงงาน, งานก่อสร้าง, และบริการ(ปั๊มน้ำมัน) และขอทาน ที่ จันทบุรี พัทยา ชลบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร

โดย  สุริยพงศ์

ภาพจาก เพจเฟสบุ๊ก ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา

Leave a comment