คุยกัน 7 วันหน : Tilly Norwood นางเอกสร้างจาก AI การปะทะกันระหว่าง ‘นวัตกรรม’ กับ ‘สิทธิแรงงาน’

คุยกัน 7 วันหน : Tilly Norwood นางเอกสร้างจาก AI การปะทะกันระหว่าง 'นวัตกรรม' กับ 'สิทธิแรงงาน'

คุยกัน 7 วันหน : Tilly Norwood นางเอกสร้างจาก AI การปะทะกันระหว่าง ‘นวัตกรรม’ กับ ‘สิทธิแรงงาน’

วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

คุยกัน 7 วันหน : Tilly Norwood นางเอกสร้างจาก AI การปะทะกันระหว่าง ‘นวัตกรรม’ กับ ‘สิทธิแรงงาน’

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ ทิลลี นอร์วูด (Tilly Norwood) นักแสดงสาวดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในขณะนี้ เธอไม่ใช่มนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ แต่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นผลงานสร้างสรรค์ของ อีไลน์ ฟาน เดอร์ เฟลเดน (Eline Van der Velden) นักแสดงชาวดัตช์ ภายใต้บริษัทโปรดักชัน AI ชื่อ Particle6 ซึ่งอวดอ้างว่า ทิลลี นอร์วูด เป็นนักแสดงสาวหน้าใหม่ที่รวมเอาความสวยงามของนางเอกสาวสวยหลายคนมาไว้ในคนๆ เดียว และทางผู้สร้างตั้งใจจะให้เธอเป็น สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน หรือ นาตาลี พอร์ตแมน คนต่อไปเลยทีเดียว

ทิลลี นอร์วูด เธอปรากฏตัวผ่านรูปภาพและคลิปวิดีโอทางอินสตาแกรม ทั้งคลิปแนะนำตัวเอง คลิปตัวอย่างการแสดงในภาพยนตร์และซีรีส์ และคลิปขณะเดินพรมแดง จนมียอดผู้ติดตามกว่า 68,000 คน เธอถูกวางตัวให้เป็น “นักแสดงสังเคราะห์” (Synthetic Performer) คนแรกๆ ที่มีเอเจนซี่จำนวนมากให้ความสนใจจะเซ็นสัญญา

ผู้สร้างอย่าง ฟาน เดอร์ เฟลเดน คุยว่า นักแสดงสร้างจาก AI เปรียบเสมือน “พู่กันดิจิทัล” ที่ช่วยให้ผู้กำกับสร้างสรรค์ตัวละครที่มนุษย์ทำไม่ได้ การใช้งาน ทิลลี นอร์วูด จะช่วยให้ผู้จ้างประหยัดต้นทุนที่ปกติจ่ายให้ดารานักแสดงที่เป็นมนุษย์จริงๆ ได้ถึง 90% ช่วยให้โปรดักชัน หรือทีมสร้างภาพยนตร์ขนาดเล็กสามารถสร้างผลงานคุณภาพสูงได้ในราคาที่ถูกลง อีกทั้งนางเอก AI ผู้นี้มีน้ำอดน้ำทน ไม่มีการขาดลามาสาย ไม่เหนื่อย ไม่ป่วย ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้การทำงานของผู้ว่าจ้างมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

แน่นอนว่าข่าวนี้ทำให้ดารานักแสดงชั้นนำจำนวนมากออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านการใช้นักแสดง AI ในภาพยนตร์และซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็น เอมิลี่ บลันต์, วูพี โกลด์เบิร์ก, นาตาชา ลียง และอีกหลายคน พวกเธอบอกว่าการใช้นักแสดง AI มาแสดงแทนมนุษย์เป็นอะไรที่น่ากลัวและน่ากังวลมาก นักแสดงที่ไหนจะไปสู่ดารา AI ที่สร้างใบหน้าและรูปร่างจากจุดเด่นของดาราสาวสวยมากมายมารวมกัน ขืนปล่อยไว้แบบนี้ บรรดานักแสดงคนจริงๆ ทั้งหลายมีหวังตกงาน ถูกพวกนักแสดง AI แย่งงานไปหมด เพราะสตูดิโอผู้สร้างสามารถใช้งานนักแสดง AI แทนนักแสดงประกอบหรือนักแสดงสมทบเพื่อเลี่ยงการจ่ายค่าจ้างและสวัสดิการ

นอกจากนี้ การเลียนแบบรูปลักษณ์และท่าทางของคนจริงโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นกรณีที่ บริโอนี มอนโร อ้างว่า ทิลลี นอร์วู้ หน้าเหมือนเธอ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องของจริยธรรมด้วย

ความเคลื่อนไหวนี้ยังสร้างแรงกระเพื่อมอย่างหนักในอุตสาหกรรม โดยสหภาพนักแสดง หรือ SAG-AFTRA ออกแถลงการณ์ชัดเจนว่า ทิลี นอร์วูด ‘ไม่ใช่คน’ แต่เป็นซอฟต์แวร์ การนำเธอมาใช้งานถือเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของข้อตกลงที่ทำไว้หลังการประท้วงหยุดงานปี 2023 ที่เรียกว่า Guardrails against AI ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญที่ใช้โต้ตอบกรณีอย่างทิลลี นอร์วูด หลักใหญ่ใจความคือ สตูดิโอไม่สามารถสร้าง ‘นักแสดงดิจิทัล’ จากรูปลักษณ์ของนักแสดงคนใดคนหนึ่งได้ หากไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรที่ระบุวัตถุประสงค์ชัดเจน และหากมีการใช้ AI สร้างตัวละครที่จำลองนักแสดงคนใดคนหนึ่งขึ้นมา นักแสดงคนดังกล่าวจะต้องได้รับค่าจ้างเสมือนว่าเขาไปทำงานจริงตามจำนวนวันที่ AI นั้นถูกใช้งาน

ทำไม ‘ทิลลี นอร์วูด’ ถึงได้น่ากลัว

ทิลลี นอร์วูด ไม่ได้เกิดจากการขยับปากแบบ Robot ทั่วไป แต่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงที่รวมกันหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น Generative AI & Deepfakes ซึ่งใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) วิเคราะห์ข้อมูลภาพใบหน้าของนักแสดงจริงหลายพันคน เพื่อสร้างโครงสร้างใบหน้าที่ “สมบูรณ์แบบ” และดูมีความเป็นมนุษย์สูง

ตามด้วย Motion Capture & AI Retargeting มีการนำนักแสดงจริงมาเคลื่อนไหว แล้วใช้ AI สวมทับใบหน้าของทิลลี นอร์วูด ลงไป ทำให้การขยับสายตา การสั่นของริมฝีปาก หรือความรู้สึกในดวงตาดูเป็นธรรมชาติมาก นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยี Synthetic Voice เสียงของเธอไม่ได้เกิดจากการบันทึก แต่เกิดจาก AI ที่สามารถสังเคราะห์อารมณ์ในน้ำเสียงได้ ทำให้เธอสามารถพูดบทไหนก็ได้ในโลก เพียงแค่พิมพ์ข้อความลงไปเท่านั้นเอง

ไม่ใช่แค่นักแสดงที่หนาวสั่น แต่กรณีนี้กระทบทั้งระบบนิเวศของฮอลลีวูด ทั้งทีมเทคนิคพิเศษ Visual Effects (VFX) หาก AI สามารถสร้างตัวละครที่สมจริงได้ในคลิกเดียว ทีมงาน VFX หลายร้อยคนที่ต้องทำหน้าที่สร้างโมเดลตัวละคร (3D Modeling) หรือทำพื้นผิวผิวหนัง (Texturing) อาจตกงาน

ตามเอเจนซี่นักแสดง หากเอเจนซี่หันไปเป็นเจ้าของ AI Talent เอง พวกเขาจะได้ค่าตัว 100% โดยไม่ต้องแบ่งให้นักแสดงที่เป็นคนจริงๆ นี่คือจุดที่คนในวงการมองว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่ร้ายแรง ทำให้นักแสดงแถวหน้าหลายคนถึงกับออกมาเรียกร้องให้คว่ำบาตรเอเจนซี่นักแสดงใดก็ตามที่พยายามจะเซ็นสัญญากับตัวละคร AI เพราะถือเป็นการทรยศต่อนักแสดงที่เป็นมนุษย์ ในส่วนของนักแสดงแถวหน้าเองอาจจะยังพอเอาตัวรอดไปได้ เพราะคนยังอยากดู ‘ตัวจริง’ แต่นักแสดงตัวประกอบ หรือนักแสดงหน้าใหม่ จะถูกแทนที่ด้วยนักแสดง AI อย่าง ทิลลี นอร์วูด แน่นอน เพราะราคาถูกกว่าและไม่เรื่องมาก

อนาคตของอุตสาหกรรมจะเป็นอย่างไร?

การเกิดขึ้นของ ทิลลี นอร์วูด ยังมาพร้อมกับประเด็นเรื่องการใช้ Generative AI ในภาพยนตร์ที่มีเทคนิคพิเศษสูง (Effects-heavy films) ซึ่งในแวดวงภาพยนตร์กังวลว่า บรรดาสตูดิโอผู้สร้างอาจใช้การสแกนร่างกาย (Digital Scan) เพื่อนำไปสร้างผลงานใหม่ๆ โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องไปปรากฏตัวในสนามจริง ทำให้นักแสดงสูญเสียอำนาจควบคุมอัตลักษณ์ (Loss of Identity Control) จน เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับ Avatar ออกมาให้สัมภาษณ์ในเดือนนี้ ว่าเขารู้สึกสยองกับแนวคิดที่จะสร้างการแสดงขึ้นมาจากคำสั่งพิมพ์ (Text Prompt) โดยไม่มีมนุษย์จริงๆ อยู่เบื้องหลัง เพราะมันทำลายจิตวิญญาณของการแสดง

ปัจจุบัน ฮอลลีวูดกำลังอยู่ในช่วง “ทดลองและต่อสู้” (Trial and Battle) กับประเด็นนี้ แน่นอนว่ากระแสส่วนใหญ่จากผู้กำกับและนักสร้างสรรค์ประกาศว่าจะไม่ทำงานกับค่ายที่มีการใช้ AI แทนคน เพื่อรักษาจิตวิญญาณของศิลปะ แต่บางส่วนเริ่มมองถึงการใช้งาน AI ในรูปแบบ Hybrid Model มีแนวโน้มว่าเราจะเห็น AI ถูกใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเป็นไปได้ใหม่ๆ เช่น การทำ Digital De-aging ช่วยให้ดารานักแสดงดูเด็กลง ซึ่งเห็นได้ชัดในโปรเจกต์ใหญ่ๆ ของ Disney และหนังภาคต่อหลายเรื่องในปีนี้ หรือทำหน้าที่สตันท์เสี่ยงตาย มากกว่าการเข้ามาแทนที่ตัวเอกทั้งเรื่องในระยะอันใกล้นี้

สุดท้ายแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การมาถึงของ ‘นักแสดงที่ไม่ใช่มนุษย์’ อย่าง ทิลลี นอร์วูด กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และทีวี ท่ามกลางความกังวลเรื่องการแย่งงานและลดคุณค่าของการแสดงที่ใช้มนุษย์จริงๆ อีกทั้งกรณีนี้ ไม่ได้สะท้อนแค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของ ‘อำนาจการต่อรอง’ ในอนาคตว่า ใครจะเป็นเจ้าของภาพลักษณ์และการแสดง ระหว่างมนุษย์ผู้สร้างหรือบริษัทเทคโนโลยี

โดย ดาโน โทนาลี

Leave a comment